จงเรียนรู้ด้วยวิธีการ
ฟัง คิด ถามและเขียน
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์
ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย
ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน
มีงานวิจัยที่สำคัญๆหลายชิ้นได้เขียนไว้เกี่ยวกับการเรียนรู้ของคนเรา
ว่าคนเรามีวิธีการเรียนรู้อย่างไรถึงจะได้องค์ความรู้ต่างๆ
ซึ่งหลักการนี้ก็ได้ตรงกับพระพุทธเจ้าได้สอนเอาไว้ก็คือ “ หัวใจนักปราชญ์ ” หรือหลายๆท่านมักใช้คำว่า สุจิปุลิ
สุ ย่อมาจาก สุตต คือ การฟัง
จิ ย่อมาจาก จินตน คือ การคิด
ปุ ย่อมาจาก ปุจฉา คือ การถาม
ลิ ย่อมาจาก ลิขิต คือ การเขียน
สุ-สุตตหรือการฟัง จะทำให้เราได้รับความรู้
ข้อมูล แง่มุม ความคิดต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อตนเอง บุคคลที่เป็นนักปราชญ์
มักจะเป็นคนที่ฟังมาก อ่านมาก แต่เนื่องจากยุคปัจจุบันเป็นยุคแห่งข้อมูลข่าวสาร
ข้อมูลจึงมีมากมาย ฉะนั้น
บุคคลที่ได้ชื่อว่านักปราชญ์มักจะเป็นคนที่มีการคัดเลือกข้อมูล ข่าวสาร
ที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและสังคมส่วนรวมมาฟัง มาอ่าน
มาศึกษาค้นคว้าเพื่อเพิ่มพูนความรู้ในตนเอง
จิ-จินตนหรือการคิด การคิดมีความสำคัญมาก
เมื่อได้รับข้อมูล จากการฟังและการอ่านแล้ว
แต่คนๆนั้นไม่สามารถมีความคิดเป็นของตนเองได้
ได้แต่นำความคิดของบุคคลอื่นมาใช้ก็เปล่าประโยชน์
คนที่คิดไม่เป็นมักเป็นคนเชื่อคนง่าย
ถูกหลอกได้ง่ายกว่าคนที่มีความคิดเป็นของตนเอง
ปุ-ปุจฉาหรือการถาม เมื่อเกิดความสงสัย
เมื่อเกิดความไม่เข้าใจ จึงต้องถาม แต่สังคมไทยมีปัญหาในเรื่องนี้อยู่มาก
เด็กและผู้ใหญ่จำนวนมากมักไม่กล้าถาม อาจเป็นเพราะ อายเพื่อน กลัวครู อาจารย์
ความไม่กล้า ฯลฯ แต่แท้ที่จริงแล้ว
การถามจะทำให้เราได้รับความรู้ในสิ่งที่เราไม่รู้เพิ่มขึ้นอีกมาก
ลิ-ลิขิตหรือการเขียน
การเขียนมีประโยชน์หลายอย่าง การเขียนช่วยให้การคิดเป็นระบบขึ้น
เพราะก่อนที่เราจะเขียนสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบทความ เรียงความ จดหมาย สารคดี
นิยาย ฯลฯ เราจะต้องมีการคิดขึ้นมาก่อน ฉะนั้นการเขียนจึงเป็นสิ่งที่ช่วยพัฒนาความคิดต่างๆของคนเราได้มาก
อีกทั้งการเขียนยังช่วยพัฒนาความจำของคนเราด้วย “ จำดีกว่าจด แต่ถ้าจำไม่หมด ให้จดแล้วค่อยจำ” เป็นคำพูดที่เป็นความจริงมากทีเดียว
เช่น ตอนเราเรียนหนังสือ หากว่าครู สอนที่หน้าชั้นในห้องเรียน
หากเราไม่ยอมจดหรือเขียน จะใช้วิธีจำอย่างเดียว ก็อาจจะจำไม่ได้ทั้งหมด
แต่คนที่มีหัวใจนักปราชญ์ เขาจะจดแล้วนำมาทบทวนอีกครั้ง
เขาถึงสอบได้คะแนนมากกว่าคนที่ไม่ยอมจดหรือเขียน
ดังนั้น หากใครสามารถปฏิบัติได้ทั้ง 4 ข้อ คือ
สุจิปุลิ ท่านสามารถปฏิบัติได้ไม่ยาก ถึงแม้ท่านจะไม่ใช่นักปราชญ์
แต่กระผมเชื่อว่าชีวิตของท่านจะมีการพัฒนาไปได้เป็นอันมาก
จงใช้เวลาในการฝึกฝนเรียนรู้และพัฒนา แล้วไม่แน่ในอนาคต ท่านอาจจะได้ชื่อว่าเป็น
นักปราชญ์ที่มีผู้คนยกย่องคนหนึ่งก็ได้
ฟังให้มาก คิดให้เป็น
หมั่นสอบถามและฝึกการเขียน จึงเป็นหัวใจของนักปราชญ์อย่างแท้จริง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น