วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2561

เราสามารถสร้างอนาคตได้

อนาคตอยู่ที่ตัวของเราเอง
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน
            ใครเล่าจะรู้ว่า..........
-     นอร์แมน วินเซนต์ พีล นักสอนศาสนาชื่อดังก้องโลก เคยเป็นลูกจ้างในร้านขายของชำเล็กๆ ในเมืองโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา
-      เฮนรี่ ฟอร์ด มหาเศรษฐีผู้ยิ่งใหญ่ ผู้คิดค้นรถยนต์คันแรกของโลก มีโอกาสเรียนเพียงแค่ระดับมัธยม
-     สตีฟ จ็อบส์และบิล เกตส์ มหาเศรษฐีแห่งวงการคอมพิวเตอร์ เรียนไม่จบมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำไป
-   โทมัส เอดิสัน เคยถูกพ่อและคุณครูด่าว่าเป็นเด็กที่โง่ เมื่อเรียนหนังสือในโรงเรียนก็สอบได้ที่โหล่อยู่เป็นประจำ แต่ในที่สุด เขาเป็นนักประดิษฐ์และนักวิทยาศาสตร์ระดับโลก เขาคิดค้นหลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลกได้
โทมัส มานน์ นักประพันธ์เอกระดับโลก ก็เรียนไม่เอาไหนเมื่อตอนที่เขาเด็กๆ
-   ตัน ภาสกรนที หรือ ตัน โออิชิ ตอนนี้อาจเปลี่ยนเป็น อิชิตัน  เขาก็ไม่ได้เรียนจบสูง อีกทั้งเขายังให้สัมภาษณ์ว่าเขาเป็นคนเรียนไม่เก่ง แต่เขาก็สามารถร่ำรวยได้ และสร้างอาณาจักรของตนเองได้

-      เจ้าสัวธนินท์ เจียรนนท์ ก็ไม่ได้เรียนจบสูง แต่ก็มีลูกน้องจบปริญญาเอกมากมายที่ช่วยทำงาน จนสร้างอาณาจักรและบริหารบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ รวมทั้งบริษัทในเครือจนโด่งดังไปทั่วโลก
            -    ………………….ตัวของท่านผู้อ่าน………………
                บุคคลดังกล่าวข้างต้น เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จ แต่ใครเล่าจะรู้ว่าในอดีตเขาเหล่านี้ต้องประสบพบเจอกับอะไรมาบ้าง หลายคนเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะยากจน แต่ด้วยความมานะ อดทน ขยันขันแข็ง  เขาเหล่านั้น จึงประสบความสำเร็จ  
                ตัวของท่านผู้อ่านก็เช่นเดียวกัน  ในอดีตเราอาจจะพบกับอุปสรรค พบกับความยากลำบาก แต่ถ้าเรา มานะ ไม่ยอมแพ้ มีเป้าหมาย อดทน มีความทะเยนทะยาน ในอนาคตเราก็สามารถประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน หลายคนตอนนี้รู้สึกว่า ชีวิตมืดมน มีตำแหน่งหน้าที่การงานสู้เพื่อนฝูงรุ่นราวคราวเดียวกันไม่ได้ แต่ในอนาคต ใครจะไปทราบ ท่านอาจเป็นคนหนึ่งที่เป็นมหาเศรษฐีก็เป็นได้  เพราะว่าวันนี้อาจจะร้าย พรุ่งนี้อาจจะดี ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

            ผมขอเป็นกำลังใจให้กับท่านผู้อ่าน  ถ้าท่านผู้อ่านคิดว่าคุณแย่ คุณเรียนหนังสือไม่เก่ง บิดามารดาเป็นคนบ้านนอก  อะไรๆก็ไม่ดีสักอย่าง  จงเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ว่าเราสามารถจะเป็นอะไรก็ได้ เพราะคนเราเกิดมาไม่มีแผ่นป้ายผูกติดข้อมือว่าเราจะเป็นอะไร เราจะเป็นเศรษฐี เราจะเป็นมหาเศรษฐี เราจะเป็นยาจก  เราจะเป็นทหาร ตำรวจ นักธุรกิจ ฯลฯ ขึ้นอยู่กับว่าในอนาคตเราต้องการจะเป็นอะไร  จงฝันไปให้ไกล แล้วไปให้ถึงมัน จงตั้งเป้าหมายว่าเราต้องการเป็นอะไรในอนาคตแล้วลงมือทำมัน พวกเราหลายคนอาจจะไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แต่กระผมเชื่อมั่นในตัวคุณ ว่า ท่านผู้อ่านของกระผมทำได้ จงลงมือสร้างอนาคตของตัวท่านผู้อ่านเอง เพราะอนาคตอยู่ในมือคุณ

จงหิวกระหายที่จะเรียนรู้ด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา

จงหิวกระหายที่จะเรียนรู้ด้วยตนเองอยู่ตลอดเวลา.......
ถ้า.....ท่านต้องการที่จะประสบความสำเร็จ
 โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน
                            ผู้ที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกหลายๆคน ไม่ชอบเรียนหนังสือในโรงเรียนหรือแม้แต่ภายในมหาวิทยาลัย เพราะ การเรียนในระบบการศึกษาเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย  เราต้องเรียนทุกวิชา วิชาไหนไม่ชอบก็ต้องเรียน ทำให้เกิดอาการฝืนใจเรียน ในเมื่อฝืนใจเรียนก็ทำให้เรียนอย่างไม่มีความสุข    เช่น
1.โทมัส เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลก เขาคิดค้นหลอดไฟฟ้าและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆมากมายเนื่องมาจากเขาต้องเรียนรู้ ศึกษา แก้ปัญหาด้วยตนเอง เขาไม่ได้เรียนหนังสือในระบบมากมายนัก เนื่องจากเขาไม่ชอบเรียนในระบบการศึกษา  ตอนเรียนหนังสือในโรงเรียน เขาสอบได้ที่โหล่ จนพ่อแม่และคุณครูคิดว่าเขาเป็นคนโง่ แต่แท้จริงแล้ว เขาคืออัจฉริยะ ถ้าเราตั้งสมมุติฐานใหม่  ให้โทมัส เอดิสัน เรียนจนจบถึงขั้นปริญญาตรี ทางวิศวกรรมศาสตร์ โลกก็คงมืดมิดอยู่ หลอดไฟฟ้าดวงแรกก็คงไม่เกิด แต่เขาเป็นคนชอบเรียนรู้ด้วยตนเอง ศึกษาด้วยตนเอง เขาไม่เคยยอมแพ้ เขาจึงทุ่มเทเรียนรู้จากประสบการณ์ จากการทดลอง จากการลองผิดลองถูก จนเขาเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับโลก
          2. พี่น้องตระกูลไรต์ ก็เช่นกัน เขาคิดและประดิษฐ์เครื่องบินลำแรกของโลกได้ ซึ่งในขณะนั้นไม่มีโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยใดสอนเกี่ยวกับการประดิษฐ์เครื่องบิน แต่ทั้ง 2 พี่น้อง ก็ช่วยการประดิษฐ์ จนเครื่องบินลำแรกได้เกิดขึ้น ก็เนื่องมาจากการเรียนรู้ด้วยตนเอง การศึกษาด้วยตนเองของทั้ง 2 นั่นเอง
            3.สตีฟ จอบส์และบิล เกตต์ เขาเรียนไม่จบมหาวิทยาลัย พวกเขาเรียนได้แค่ปีหรือสองปี เท่านั้นเอง แต่เขาก็ประสบความสำเร็จในการผลิตสินค้าตระกูล I และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ถ้าพวกเขาไม่ลาออกจากมหาวิทยาลัย พวกเราก็คงอาจไม่ได้ใช้มือถือยี่ห้อ Apple หรือไม่ได้ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ Microsoft ก็ได้
          4.อับราฮัม ลินคอล์น(Abraham |Lincoln) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เขามีโอกาสเรียนหนังสือในระบบภายในโรงเรียนเพียงแค่ไม่กี่ปี หลังจากนั้นเขาก็ลาออกเนื่องมาจากครอบครัวมีฐานะยากจน เขาต้องช่วยพ่อแม่ทำงาน แต่เขาเป็นคนรักการเรียน เขาจึงเรียนรู้ด้วยตนเอง หาหนังสือมาอ่าน ซึ่งในสมัยของเขามีหนังสือน้อยมาก เขาต้องขี่ม้าไปยืมหนังสือกับคนรู้จัก ต่างรัฐ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางไกล ด้วยพลังของการศึกษาด้วยตนเอง ด้วยพลังของการเรียนรู้ด้วยตนเองของเขา เขาจึงกลายเป็นนักพูดระดับโลก และเป็นนักการเมืองระดับโลก               

                ดังนั้น ถ้าท่านเรียนไม่จบหรือมีการศึกษาที่ไม่สูงมากนัก ก็อย่าท้อแท้ใจ เพราะบุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำงานหรืออาชีพ พวกเขาจะเรียนรู้ด้วยตนเองอยู่ตลอดชีวิต เพราะ การศึกษาที่แท้จริง ก็คือการศึกษาด้วยตนเอง     

วันเสาร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2561

ถ้าท่านอยากที่จะประสบความสำเร็จ

หลายคนอยากประสบความสำเร็จ แต่...มีหัวใจเท่ากับหัวไม้ขีดไฟ
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน
                บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำงานในระดับประเทศหรือระดับโลก เขามักเริ่มต้นจากความกล้าก่อนเป็นอันดับแรก  ซึ่งการเริ่มต้นจากความกล้าในที่นี่คือ
                1.กล้าที่จะ Change หรือ กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพราะพวกเขาทราบดีว่า “ ธรรมชาติของคนเราไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง  แต่คนเราจะเจริญก้าวหน้าได้ ก็ด้วยการเปลี่ยนแปลง”  ถ้าหากว่าท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานในระดับสูง   ท่านต้องกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง เช่น เปลี่ยนแปลงความคิด ทัศนคติในการทำงาน ให้รักงานที่ท่านทำ ให้ชอบงานที่ท่านทำ หรือ การเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานโดยการหาวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพและรวดเร็วขึ้น หรือให้งานผิดพลาดน้อยลง
               2.กล้าที่จะนำเสนอ Idea ใหม่ๆหรือกล้านำเสนอความคิดใหม่ๆ  บุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับสูงอย่าง สตีฟ จอบส์ ,    บิล เกตต์  ,  แจ็ค หม่า พวกเขาจะมีความคิดที่แตกต่างไปจากบุคคลโดยทั่วไป ดังนั้นพวกเขาจึงประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ก็เนื่องมาจากความกล้านำเสนอความคิดใหม่ๆ นำเสนอสินค้าใหม่ๆ ให้แก่โลก ให้แก่ผู้บริโภค  
                3. กล้า Action หรือ กล้าลงมือทำ  บุคคลจะประสบความสำเร็จไม่ได้เลยถ้าขาดซึ่งการลงมือทำ สิ่งต่างๆที่คิด ที่จินตนาการ ทุกๆสิ่งที่ต้องการ ถ้าขาดการลงมือทำ ก็ไม่สามารถเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้ ดังนั้นจงกล้าที่จะลงมือทำ ลงมือทำ ลงมือปฏิบัติ  ลงมือทำทันที ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จ 
4.กล้า Imagine หรือ กล้าจินตนาการ  อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกคนหนึ่งได้กล่าวว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ คนธรรมดาโดยทั่วไปในยุคปัจจุบันมักได้เรียนหนังสือกันเกือบทุกคน แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน  สาเหตุหนึ่งอาจจะมาจากการขาดการจินตนาการ คนปกติธรรมดา มักจะทำอะไรเหมือนคนอื่นๆ ไม่กล้าที่จะลองจินตนาการ ดังนั้น จงกล้าที่จะจินตนาการ  แล้วท่านก็จะเกิดความคิดสร้างสรรค์สิ่งแปลกๆใหม่ๆขึ้น
                5.กล้า Develop หรือ กล้าพัฒนาให้ดีขึ้น  เมื่อลงมือทำไปแล้ว  อาจจะเกิดความผิดพลาด  บุคคลที่ประสบความสำเร็จเขาจะกล้าพัฒนาต่อไป พัฒนาต่อไป จนสำเร็จ เช่น เอดิสัน ระหว่างลงมือประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลก เขาต้องพบกับความผิดพลาดมากกว่าพันครั้ง แต่เขาก็กล้าพัฒนาต่อไป พัฒนาต่อไป จนในที่สุด เขาประสบความสำเร็จในการประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลก   บุคคลโดยคนส่วนใหญ่มักมีหัวใจเท่ากับหัวไม้ขีดไฟ เมื่อพบกับความล้มเหลวเพียงแค่หนึ่งครั้ง สองครั้ง ก็เลิกล้มหรือหยุดเสียแล้ว แต่เอดิสันมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่เขาล้มเหลวมากกว่าพันครั้ง แต่เขาก็พยายามทดลองต่อไป

ดังนั้นหากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จ ท่านต้องมีความกล้าและจงเริ่มต้นด้วยความกล้าเสียก่อน  หลายคนต้องการประสบความสำเร็จแต่มีหัวใจเท่าหัวไม้ขีดไฟ  ไม่กล้า ขี้ขลาด กลัว  ไม่ยอมลงมือทำ  รอโชคชะตาช่วย  ฉะนั้น หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จท่านจะต้องมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ มีความกล้า  มีความเชื่อมั่นในตนเอง ว่าท่านทำได้ แล้วท่านก็จะทำได้  จงขยายหัวใจของท่านให้ยิ่งใหญ่ขึ้น ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จ

วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2561

คิดแบบเศรษฐี

คิดแบบเศรษฐี ทำแบบมหาเศรษฐี แล้วความร่ำรวยก็จะเข้ามาหาท่าน
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน
คนที่จะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี เขาจะมีวิธีคิด ทัศนคติ และบุคลิกภาพที่แตกต่างจากบุคคลโดยทั่วไป ในบทความนี้ กระผมขอเขียนเกี่ยวกับ วิธีคิด ทัศนคติ การวางเป้าหมาย วิธีการและการลงมือทำของเศรษฐีและมหาเศรษฐี มีดังนี้  
            1.เศรษฐีและมหาเศรษฐี เขาจะมีความคิดว่าตนเองมีสิทธิเป็นเศรษฐีหรือมหาเศรษฐี หรือร่ำรวยได้ ถึงแม้พวกเขาจะเกิดมามีฐานะยากจนก็ตาม โดยพวกเขาจะมีเครื่องมือที่สำคัญก็คือ การเปลี่ยนความคิด เปลี่ยนทัศนคติ และพวกเขาจะมีความคิดในแง่บวกมากกว่ามีความคิดในแง่ลบ
วิธีหนึ่งที่พวกเขานำเอามาใช้ก็คือ การหมั่นจินตนาการ โดยพวกเขาจะจินตนาการว่า ตนมีนบ้านหลังใหญ่ที่สวยหรู จินตนาการว่าตนขับรถคันใหญ่ราคาแพง จินตนาการว่ามีคนใช้คอยปรนนิบัติรับใช้ ถ้าหากท่านจินตนาการบ่อยๆ ทุกๆวัน วันละหลายๆครั้งหลายๆนาที ก็จะทำให้จิตใต้สำนึกของท่านรับรู้ความรู้สึกนั้นมากขึ้น แล้วก็จะเป็นจริงในที่สุด
อีกทั้งพวกเขายังทำให้เห็นเป็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยพวกเขามักจะตัดภาพรูปรถ รูปบ้านที่พวกเขาต้องการ ติดไว้ในห้องทำงาน ห้องนอน แล้วมองมันทุกวัน หลักการนี้ตรงกับหลักการที่บริษัทฝึกอบรมเกี่ยวกับการขายใช้ในการอบรมนักขาย
 2.เศรษฐีและมหาเศรษฐี เขาจะเป็นนักเขียนเป้าหมายโดยลงมือเขียนเป้าหมายเป็นลายลักษณ์อักษร พวกเขาจะเขียนเป้าหมายบ่อยๆ เพื่อให้เกิดการจดจำในจิตใต้สำนึก โดยเขาจะมีเป้าหมายทั้งเป้าหมายระยะสั้น เป้าหมายระยะกลางและเป้าหมายระยะยาว หรือมีการแบ่งเป้าหมายออกเป็นเป้าหมายรายวัน  เป้าหมายรายเดือน เป้าหมายรายปี เป้าหมาย 3 ปี 5 ปี 10 ปี ถึงแม้เศรษฐีและมหาเศรษฐี บางคนจะไม่มีความฝันว่าตนเองต้องการที่อยากจะทำอะไรหรือต้องการเป็นอะไรก็ตาม แต่ถ้าพวกเขามีเป้าหมาย พวกเขาก็สามารถประสบความสำเร็จได้ เพราะเป้าหมายคือทิศทางในการทำงานของพวกเขา ถ้าไร้ซึ่งเป้าหมายก็เปรียบเสมือนเรือที่ลอยอยู่กลางทะเล เมื่อถูกคลื่นซัดไปทางใด มันก็จะเคลื่อนไปทางนั้น แต่ถ้ามีเป้าหมาย ก็มีทิศทาง  เรือลำนั้นถึงแม้จะเจอคลื่นลม ก็สามารถฝ่าฟันคลื่นลมไปยังฝั่งเป้าหมายได้ 
            3.เศรษฐีและมหาเศรษฐี เขาจะหาวิธีการเพื่อให้เป้าหมายของพวกเขาประสบความสำเร็จ เมื่อมีความคิด ทัศนคติ จินตนาการแล้ว  เมื่อมีเป้าหมายแล้ว พวกเขาจะหาวิธีการต่างๆ ที่หลากหลายเพื่อที่จะทำให้เป้าหมายของพวกเขาเป็นจริง เช่น ปีหน้าพวกเขาต้องการรายได้โดยตั้งเป้าหมายว่าเราจะมีรายได้ 3  ล้านบาท เราจะทำอย่างไร มีวิธีการใดจะได้เงินมา เช่น พวกเขาจะเขียนหนังสือขาย พวกเขาจะขายประกันชีวิต พวกเขาจะทำธุรกิจเครือข่ายหรือพวกเขาจะประกอบธุรกิจ ฯลฯ เพื่อที่จะหาเงินให้มาให้ได้ตามเป้าหมายที่พวกเขาได้วางไว้
            4.เศรษฐีและมหาเศรษฐี เขาจะลงมือทำทันทีหรือ ททท. เมื่อมีความคิด ทัศนคติ จิตนาการแล้ว เมื่อมีเป้าหมายแล้ว เมื่อมีวิธีการแล้ว สิ่งที่สำคัญก็คือ การลงมือทำทันทีหรือ ททท. เพราะถ้าขาดการลงมือทำทันทีหรือ ททท. ถึงแม้จะมีความคิด ทัศนคติที่ดี มีจินตนาการดี มีเป้าหมายที่ชัดเจน มีวิธีการที่สวยหรู ก็ไม่สามารถเป็นจริงได้ จงลงมือทำทันที่หรือททท. ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จหรือต้องการความมั่งคั่งร่ำรวย
            5.เศรษฐีและมหาเศรษฐี เขาจะตรวจสอบ เช็ค แก้ไข พวกเขาจะรู้จักหยืดหยุ่น ระหว่างลงมือทำทันที่หรือททท. เมื่อเกิดปัญหาต่างๆขึ้นมา พวกเขาก็จะพยายามหาทางออก หรือพยายามปรับปรุงแก้ไข หาวิธีการใหม่ๆหรือแผนการใหม่ๆ เพื่อให้นำไปสู่เป้าหมายได้ง่ายขึ้นหรือรวดเร็วขึ้น
            สำหรับข้อปฏิบัติ แนวความคิดของ เศรษฐีและมหาเศรษฐี ที่พวกเขาได้นำเอาไปใช้ปฏิบัติกันได้แก่
- เขาจะพูดให้กำลังใจ หรือปลุกใจตนเองเป็นประจำ  เช่นพูดชมเชยตนเอง พูดว่าฉันทำได้  ฉันเป็นคนเก่งที่สุด ฉันเยี่ยมที่สุด เป็นต้น
- เขาจะทำงานอย่างสนุกและเป็นสุขกับการทำงาน เศรษฐีและมหาเศรษฐี พวกเขาจะรักงานที่พวกเขาทำ และจะเลือกทำงานที่พวกเขารัก และมีความสนุกที่ได้ทำงาน  
- เขาจะทำงานให้เกินเงินเดือน กล่าวคือ เขาจะเป็นคนขยันทำงาน เขาจะทำงานได้มากกว่าบุคคลโดยทั่วไป อีกทั้งเขาจะเรียนรู้งานต่างๆ พวกเขาจะเป็นคนที่ชอบศึกษาหาความรู้ใหม่ๆที่เกี่ยวข้องกับงานของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา
- เขาจะมีแนวคิดคือ การใช้เงินหรือระบบทำงานแทน เช่น มีแนวคิดจะลงทุนในหุ้น ลงทุนในที่ดิน ลงทุนในระบบธุรกิจเครือข่าย เป็นต้น คนที่จะเป็นเศรษฐีและมหาเศรษฐี  ส่วนใหญ่ พวกเขามักจะมีแนวความคิดที่จะใช้เงินลงทุน กล่าวคือ ใช้เงินต่อเงิน หรือใช้เงินไปหาเงินให้มีเพิ่มมากขึ้น โดยพวกเขาจะเลือกฝากเงินกับธนาคารให้น้อยที่สุดเพราะพวกเขาทราบดีว่า ดอกเบี้ยที่จะได้รับจากสถาบันการเงินน้อยมากเมื่อเทียบกับการนำเงินไปลงทุน ถึงแม้จะมีความเสี่ยงต่อการขาดทุนก็ตาม
ดังนั้น  หากท่านต้องการเป็นเศรษฐี  มหาเศรษฐี ต้องการที่จะร่ำรวยมั่งคั่ง  มีฐานะดี ท่านควรหาต้นแบบ ท่านควรศึกษา แนวคิดของบรรดาเศรษฐีและมหาเศรษฐี ว่าเขาลงทุนอะไร เขามีวิธีการลงทุนอย่างไร ถึงได้เกิดความร่ำรวยขึ้น เมื่อศึกษาจากคนต้นแบบแล้วจงเริ่มลงมือทำตามบุคคลต้นแบบ ก็จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะนำพาท่านให้ประสบความสำเร็จในการเป็น เศรษฐีและมหาเศรษฐีคนต่อไปในอนาคต



วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2561

ถ้า อยากเจริญก้าวหน้าในที่ทำงาน

5 สิ่งที่ควรทำ ถ้า อยากเจริญก้าวหน้าในที่ทำงาน
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน

            ถ้าท่านอยากเจริญก้าวหน้าในที่ทำงาน ในบทความนี้มีคำตอบ ท่านสามารถเจริญก้าวหน้าในที่ทำงานได้ ถ้าท่านปฏิบัติตัวดังนี้ 
            ๑.จงหาความรู้อยู่ตลอดเวลา ทั้งความรู้ในเชิงกว้างและความรู้ในเชิงลึก จงรอบรู้และจงรู้ลึก บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน เขาจะเป็นนักเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ดังคำพูดของสตีฟ จอบส์ ได้กล่าวไว้ในสุนทรพจน์ที่พูดให้นักศึกษาจบใหม่ว่า “ จงหิวกระหายที่จะเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา” หลายคนเรียนจบปริญญาตรีแล้ว คิดว่าจบการศึกษาแล้ว แต่แท้ที่จริงแล้ว บุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จในการทำงานต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง เรียนรู้อยู่ตลอดชีวิต
            2.จงเป็นนักคิดริเริ่ม คิดสร้างสรรค์ บุคคลที่ประสบความสำเร็จในอาชีพในระดับสูง มักจะเป็นคนที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ใหม่ๆอยู่เสมอ ดังตัวอย่างเช่น เอดิสัน นักประดิษฐ์เอกของโลกเขามีสินค้าหรือสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆออกสู่ตลาดอยู่เสมอ รวมผลงานทั้งหมดมากกว่า 1,000 ชิ้น ซึ่งสินค้าเหล่านี้ได้สร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้แก่เขา ฉะนั้น ถ้าท่านอยากร่ำรวยและอยากประสบความสำเร็จในระดับประเทศไทยหรือระดับโลก ท่านต้องคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ
            3.จงเป็นคนทำงานอย่างกระตือรือร้น รวดเร็ว ทันใจ บุคคลที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน มักเป็นคนที่ทำงานอย่างกระตือรือร้น เมื่อเจ้านายมอบหมายงานก็จะทำให้เสร็จได้อย่างรวดเร็ว มีความทันสมัยกล่าวคือ มีความสามารถในการประยุกต์เทคโนโลยีต่างๆเข้าช่วยในการทำงาน เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ ระบบอินเตอร์เน็ต ระบบสารสนเทศ โทรศัพท์มือถือ เข้าช่วยในการทำงาน มีความทันเหตุการณ์ กล่าวคือเป็นนักติดตามข้อมูลข่าวสารอะไรใหม่ๆอยู่เสมอ เมื่อเจ้านายถามถึงสภาวะการตลาด การแข่งขัน เศรษฐกิจ การเมือง สามารถตอบได้อย่างมั่นใจ แต่ตรงกันข้ามบุคคลที่ไม่ประสบความสำเร็จในการทำงาน พวกเขามักทำอะไร เชื่องช้า ขาดความกระตือรือร้น ไม่ทันใจ
            4.จงมีมนุษยสัมพันธ์ สร้างความร่วมมือ ความสามัคคีและรู้จักทำงานเป็นทีม  คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่ให้ความร่วมมือในการทำงาน เราลองสังเกตเศรษฐีหรือมหาเศรษฐี เขาไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ ต้องมีลูกน้อง ยิ่งถ้าอยากร่ำรวยหรือประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ก็ต้องมีลูกน้องเก่งๆ ช่วยงานเป็นจำนวนมาก ดังเช่นบริษัทใหญ่ๆในระดับประเทศและระดับโลก ดังนั้งจงมีมนุษยสัมพันธ์ในการทำงาน และเรียนรู้การทำงานเป็นทีม
            5.จงเป็นคนที่รับผิดรับชอบในหน้าที่การทำงานของตนเอง คนที่ประสบความสำเร็จมักเป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูง เขากล้าที่จะตัดสินใจ และเมื่อตัดสินใจผิดพลาด เขาก็จะยอมรับความผิดพลาดนั้นโดยไม่มีข้อแก้ตัว อีกทั้งยังเป็นคนที่รักษาคำพูด การแสดงความรับผิดชอบของเขาจึงทำให้เป็นที่เคารพและศรัธทาแก่ผู้พบเห็นรวมไปทั้งเจ้านายและลูกค้าก็เกิดความไว้วางใจ เชื่อมั่น
            ดังนั้น 5 สิ่งที่ควรทำ ถ้า อยากเจริญก้าวหน้าในที่ทำงาน ที่กระผมได้กล่าวมาข้างต้นนี้ ถ้าท่านนำเอาไปปฏิบัติกระผมเชื่อว่า ท่านจะเป็นคนหนึ่งที่จะทำงานได้อย่างก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน


วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2561

คบคนพาล....พาลไปหาผิด.

คบคนพาล....พาลไปหาผิด....คบบัณฑิต...บัณฑิตพาไปหาผล....
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน
- คบคนพาลพาลไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล กล่าวคือ หากคบคนไม่ดีเป็นมิตรคนเหล่านั้นก็มักจะชักจูงเราไปในทางที่เสียหาย แต่หากว่าเราคบคนดีเป็นมิตร คนดีก็มักจะสั่งสอนแนะนำเราไปในทางที่ดีๆ เช่น แนะนำให้รู้จักทำมาหากินในทางที่สุจริต , การให้ความช่วยเหลือในรูปแบบต่าง ฯลฯ
-  ท่านอยากเป็นเปรตในหมู่ปราชญ์หรืออยากเป็นปราชญ์ในหมู่เปรต (หากท่านอยากเป็นเปรตในหมู่ปราชญ์ในอนาคตท่านอาจจะได้เป็นปราชญ์แต่ถ้าหากว่าท่านอยากเป็นปราชญ์ในหมู่เปรตในอนาคตท่านอาจจะได้เป็นหัวหน้าเปรตในที่สุด)
-การคบเพื่อนดีๆ การคบคนดีๆ จะเป็นเสมือนการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีในเบื้องต้นให้แก่ตัวเรา อีกทั้งการเข้าสังคมกับคนดีๆ มักจะทำให้เราประสบความสำเร็จในชีวิตอีกด้วย กฎแห่งแรงดึงดูด น้ำกับน้ำมันเข้ากันไม่ได้ฉันใด คนดีกับคนไม่ดีมักเข้ากันไม่ได้ฉันนั้น คนที่เหมือนกันมักดึงดูดเข้าหากัน คบคนเช่นใดย่อมเป็นเช่นนั้น
          คำกล่าวข้างต้นเป็นเรื่องของการคบคน หรือการเลือกคบคน ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จท่านต้องมีเพื่อนที่สนิทเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ  ถ้าท่านต้องการเป็นขี้เมา ท่านจงเลือกคบเพื่อนที่กินเหล้าเมามายอยู่เป็นประจำ แล้วท่านก็จะเป็นขี้เมาสมดังใจหวัง
            ฉะนั้น พวกเราไม่ต้องแปลกใจ ทำไมถึงเกิด ชมรม สมาคม สโสมร ก็เนื่องจากลุ่มคนที่ร่วมกันก่อตั้งมักมีความสนใจอย่างเดียวกัน  แบบเดียวกัน กลุ่มคนที่สนใจกีฬายิงปืนมักก่อตั้ง ชมรม สมาคม สโสมร เกี่ยวกับกีฬายิงปืน

            สรุปได้ว่า หากว่าท่านต้องการประสบความสำเร็จด้านใด หากเรามีความสนใจในด้านใดจงเข้าไปร่วมกลุ่ม  ชมรม สมาคม สโมสร ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เราให้ความสนใจ เพราะจะทำให้เราประสบความสำเร็จและดึงดูดสิ่งต่างๆที่เราต้องการหรือสนใจเข้ามาในชีวิตด้วย
จงเข้าสู่สังคมที่ดีๆ การเข้าสู่สิ่งแวดล้อมที่ดีๆ และการเลือกคบคนดีๆ เพราะสิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลต่อความสำเร็จของคนเรา


วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2561

ปลุกพลังในตัวคุณ.....ถ้าคุณต้องการ....

ปลุกพลังในตัวคุณ.....ถ้าท่านต้องการประสบความสำเร็จ...
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน

                คนส่วนใหญ่ไม่มีพลัง ท้อแท้ ท้อถอย เมื่อพบเจอกับอุปสรรค  แต่ตรงกันข้ามกับคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตในระดับสูงเขาจะมีพลังภายในตัวเองสูง  ถามว่าเขาทำงานเขาต้องพบอุปสรรคไหม คำตอบก็คือ  “ พบ”  อีกทั้งคนที่ประสบความสำเร็จ ย่อมต้องฝ่าฟัน และพบกับอุปสรรคที่ใหญ่ยิ่งกว่าบุคคลธรรมดาโดยทั่วๆไป  ดั้งนี้ การสร้างพลังหรือการสร้าง Energy เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง สำหรับบุคคลที่ปรารถนาที่จะประสบความสำเร็จ ซึ่งเรามีวิธีการปลุกพลังในตัวเองหรือสร้างพลังในตัวของเราหลายวิธี เช่น
                1.ปลุกพลังโดยผ่านทางความคิดหรือทัศนคติที่ดีๆ  คนเราที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง เขามักจะมีพลังความคิดหรือทัศนคติในทางที่ดี เช่น พลังในการคิดบวกหรือมีทัศนคติที่บวก , พลังในการคิดสร้างสรรค์ ,  พลังในการคิดเชิงกลยุทธ์  ฯลฯ
                2.ปลุกพลังโดยผ่านการใช้คำพูด คนที่มีพลังในตัวเองสูง เขาเป็นคนที่พูดบวกกับตัวเอง ถึงแม้เขาจะประสบพบกรรมหรือเหตุการณ์ร้ายๆ เขาก็จะพูดบวกกับตัวเอง และให้กำลังใจแก่ตนเอง ตรงกันข้ามกับบุคคลทั่วไปเมื่อเจอเหตุการณ์ร้ายๆ ก็จะพูดกับตัวเองในเชิงลบ  เช่น ตัวเองดวงซวยอย่างนี้ , ทำไมเราเกิดมาอาภัพแบบนี้ , ทำไมเราเกิดมาถึงไม่ได้เกิดในตระกูลร่ำรวย เป็นต้น
3.ปลุกพลังโดยผ่านทางการกระทำหรือภาษากาย เราจะเห็นว่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ถ้าหากพวกเราลองสังเกตดู เขามักจะเป็นคนที่เคลื่อนไหวร่างกายแบบกระตือรือร้น กระฉับกระเฉง ว่องไว เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตนเอง กล้าที่จะแสดงออก กล้าที่จะตัดสินใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม  ฯลฯ ตรงกันข้ามกับบุคคลที่มีความทุกข์ หมดพลัง เขาจะเคลื่อนไหวร่างกายอย่างช้าๆ พวกเราลองไปสังเกตคนอกหักดู พวกเขาจะเดินอย่างช้าๆ  ทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา

                4.ปลุกพลังโดยผ่านพลังแห่งการจินตนาการ การจินตนาการเป็นนามธรรม ไม่สามารถจับต้องได้ แต่มีความสำคัญเป็นอันมาก เคยมีการทำวิจัยโดยจับคนแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม โดยให้กลุ่มที่ 1 ไปซ้อมชู้ตบาสเก็ตบอลจริงๆ  กลุ่มที่ 2 ชู้ตบ้างไม่ชู้ตบ้าง(กล่าวคือไปซ้อมบ้างไม่ต้องไปซ้อมบ้าง) กลุ่มที่ 3 ให้นั่งที่ขอบสนามบาสเก็ตบอล แล้วใช้จินตนาการของตนเองว่า ชู้ตบาสเก็ตบอลลงห่วงตลอดเวลา เป็นเวลา 1 เดือน หลังจากนั้นก็จับคน 3 กลุ่มมาชู้ตบาสเก็ตบอสแข่งกัน ผลปรากฏว่า กลุ่มที่ 1 กับกลุ่มที่ 3 มีคะแนนที่ใกล้เคียงกัน ส่วนกลุ่มที่ 2 ชู้ตบาสเก็ตบอลลงห่วงน้อยมาก นักวิจัยจึงสรุปว่า  จินตนาการมีความสำคัญมาก
                5.ปลุกพลังโดยผ่านพลังแห่งความเชื่อ ถ้าท่านเชื่อว่าท่านทำได้ ท่านก็จะทำได้”  ความเชื่อมีความสำคัญมาก ศาสนาต่างๆที่เติบโตขึ้นมาได้ในปัจจุบันก็เริ่มต้นที่ความเชื่อ  กล่าวคือเชื่อในหลักศาสนา , ความเชื่อในคำสอนของศาสดา  , ความเชื่อในพระเจ้า , ความเชื่อในสิ่งศักดิ์ ฯลฯ  ถ้าบุคคลไม่มีความเชื่อในหลักศาสนาเสียแล้ว เขาก็จะไม่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ดังนั้นการปลุกพลังแห่งความเชื่อจึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนประสบความสำเร็จ
                การปลุกพลังจาก 5 ข้อความข้างต้นนี้  กระผมเห็นว่ามีความสำคัญ โดยเฉพาะบุคคลที่ต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต เขาจะต้องมีพลังในตัวเองเสียก่อน  เขาจึงจะมีพลังในการทำงานมากกว่าคนปกติ การเสริมสร้างพลังหรือการปลุกพลังให้เกิดขึ้นในตัวเอง จึงเป็นสิ่งที่ต้องมีสำหรับบุคคลกลุ่มน้อยที่ต้องการประสบความสำเร็จ
ขอให้ท่านเชื่อว่า ท่านสามารถประสบความสำเร็จ  ท่านก็จะประสบความสำเร็จ
“ ถ้าท่านเชื่อว่าท่านทำได้    ท่านก็จะทำได้”


ขออย่ายอม....แพ้.....

ขออย่ายอม....แพ้.....
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน

ใครเลยจะเชื่อว่า ไมเคิล จอร์แดน นักบาสเก็ตบอลที่มีชื่อเสียงระดับโลก จะเคยถูกคัดชื่อออกจากการเป็นตัวแทนนักกีฬาของโรงเรียน” ถ้าหากว่า ไมเคิล จอร์แดน ยอมแพ้ ไม่ยอมเล่นบาสเก็ตบอลต่อเพราะคิดว่าตนเองล้มเหลวจากการไม่ได้เป็นตัวแทนนักกีฬา “ พวกเราก็คงจะไม่ได้เห็นลีลา การเล่นบาสเก็ตบอลระดับมืออาชีพของโลกจากเขา
            คนส่วนใหญ่มักเห็นแต่ชีวิตแง่มุมของเขาตอนที่เขาประสบความสำเร็จ แต่พวกเรามักจะไม่เคยเห็นช่วงที่เขาเริ่มเล่นบาสเก็ตบอลใหม่ๆ  ช่วงเวลาที่เขาพบกับความพ่ายแพ้  เขาต้องร้องไห้  เขาต้องได้รับบาดเจ็บจากการเล่น  หรือแม้แต่ช่วงที่เขาฝึกซ้อม เขาต้องใช้เวลาซ้อมยิงลูกบาสเก็ตบอลทุกวัน วันละหลายร้อย หลายพันลูก
อีกทั้งในอดีตเขาเคยถูกคัดตัวออกจากการเป็นนักบาสเก็ตบอลในทีมของมหาวิทยาลัยอีกด้วย อีกทั้งเขาเคยยิงลูกพลาดในการเล่นบอสเก็ตบอลนัดสำคัญๆ บางนัดเขาชู้ตลูกสุดท้ายซึ่งเป็นลูกที่ตัดสินว่าจะแพ้ชนะในเกมส์การแข่งขันพลาด         ถ้าเขายอมแพ้ ไม่เล่นบาสเก็ตบอลต่อ คนทั่วโลกก็จะไม่มีวันได้รู้จักเขา   แต่เนื่องจากเขาไม่ยอมแพ้ ในเวลาต่อมาเขาจึงเป็นนักบาสเก็ตที่มีชื่อเสียงที่สุดในสหรัฐและในโลก จนได้รับเงินทอง เกียรติยศ ชื่อเสียง รางวัลต่างๆอีกเป็นจำนวนมาก เขามีผลงานต่างๆมากมายและที่สำคัญเขานำพาทีมชาติสหรัฐคว้าชัยชนะเหรียญทองโอลิมปิกถึง 2 สมัย
-         โทมัส เอลวา แอนดิสัน เขาเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้เพราะการที่เขาทำงานอย่างเต็มที่ หลอด
ไฟฟ้าดวงแรกจึงเกิดขึ้น เขาต้องพบกับความล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ล้มเหลวแล้วล้มเหลวอีก อีกทั้งเขาต้องลองผิดลองถูกนับเป็น 1,000 ครั้ง แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ในที่สุดหลอดไฟฟ้าดวงแรกของโลกจึงเกิดขึ้น

-         อัลเบิร์ท ไอน์สไตน์ กว่าที่เขาจะคิดค้นทฤษฏีสัมพันธภาพได้ เขาต้องใช้เวลาคิดอยู่นานหลายปี
เขาพบกับความผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่า เขาต้องพบกับความพ่ายแพ้เพียงแค่ชั่วคราวอยู่หลายครั้ง  แต่เขาก็พยายามทำงานอย่างเต็มที่และไม่ยอมแพ้ จนในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จในการคิดทฤษฏีและเป็นต้นกำเนิดในการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ในเวลาต่อมา ก็เนื่องจากความไม่ยอมแพ้ของเขา
-           ผู้พันแซนเดอร์หรือผู้พัน KFC ในอดีตเปลี่ยนงานอยู่หลายงานและไม่ประสบความสำเร็จ
เป็นชิ้นเป็นอัน จนกระทั่งเกษียณอายุ 60 ปี เขาเริ่มเปิดกิจการขายไก่ทอดเคนตั๊กกี้ ต่อมาเขาอยากให้คนทั่วสหรัฐอเมริกาได้กินไก่ทอดสูตรของเขา เขาจึงได้เสนอขายสูตรไก่ทอดแก่นักธุรกิจเป็นพันๆ ราย เขาพบกับความล้มเหลวและถูกปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ จนในที่สุดได้มีนักธุรกิจคนที่ 1,009 ตอบรับการซื้อสูตรไก่ทอดของเขา นี่ถ้าเขายอมแพ้พวกเราก็คงไม่ได้มีโอกาสกินไก่ทอด KFC ที่โด่งดังไปทั่วโลก

                   บุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง มักเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้ แต่เขาจะเป็นนักสู้ ถึงแม้จะผ่านการล้มเหลวมานับไม่ถ้วนก็ตาม ดังนั้น ถ้าท่านอยากที่จะประสบความสำเร็จ ขอให้ท่านจงอย่าได้ยอมแพ้ ถ้าท่านสู้กับมันหรือลุกขึ้นต่อสู้กับมัน แล้วสักวันหนึ่งท่านจะประสบความสำเร็จเช่นดังบุคคลที่ประสบความสำเร็จ  ท่านทำได้ถ้าท่านคิดว่าท่านทำได้  และกระผมเชื่ออย่างสุดใจว่าท่านผู้อ่านทำได้อย่างแน่นอน

วันจันทร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2561

สร้างความฉลาดได้จาก.....

เราสามารถสร้างความฉลาดได้จาก.....
โดย..ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก นักพูดและนักเขียน
ความฉลาดของคนเราเกิดขึ้นมาจากหลายปัจจัย เช่น พันธุกรรม  สิ่งแวดล้อม การศึกษา บุญวาสนา  การเรียนรู้  เป็นต้น  แต่ถ้าในทางวิทยาศาสตร์ได้มีการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องความฉลาดของคนเรา โดยเรียกและเป็นที่ยอมรับกันทั่วโลกว่า คือ เรื่องของ IQ (ไอคิว) 
ซึ่งปัจจัยที่ผมได้กล่าวมา กระผมมีความเชื่อว่า เป็นปัจจัยที่ทำให้คนเราฉลาดขึ้น จริง แต่กระผม
ก็เชื่ออีกว่า คนเราสามารถพัฒนานิสัย พัฒนาตนเอง ให้เกิดความฉลาดเพิ่มขึ้นอีกได้ มีดังนี้ 
          1.สร้างจากการอ่านหนังสือให้มากๆ  การอ่านจะช่วยให้เกิดความคิด เกิดความทันสมัย เกิดไอเดียแปลกๆใหม่ อีกทั้งยังได้รับรู้ถึงข้อมูลข่าวสารต่างๆ อีกมากมาย
          2.สร้างจากการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ การรู้ภาษาที่สองและที่สาม ทำให้เราได้ความรู้ของอีกประเทศหนึ่ง ไม่ต้องรอให้ใครมาแปลเป็นภาษาไทยถึงรู้   แต่ถ้าใครรู้ภาษาที่สองและที่สาม ก็สามารถสร้างความฉลาดมากกว่าคนที่รู้เพียงภาษาไทยเพียงอย่างเดียว  เช่น ถ้าท่านรู้ภาษาอังกฤษ ทางสามารถดูข่าว BBC  CNN VOA ฯลฯ ถ้าท่านฟังข่าวสารเหล่านี้ออก ท่านจะได้รับที่ทันสมัยจากทั่วทุกมุมโลก
            3.สร้างจากการเข้าร่วมกลุ่ม ชมรม สโมสร สมาคม ที่เกี่ยวข้องกับงานในสายอาชีพของท่าน  ถ้าท่านอยู่วงการคอมพิวเตอร์ ท่านควรเข้าร่วมกลุ่มกับคนที่รู้หรือรักในเรื่องคอมพิวเตอร์ การเข้ากลุ่มจะทำให้ท่านเกิดแรงพลัง เกิดแรงบันดาลใจในการเรียนรู้และทำให้เกิดความสนใจในเรื่องคอมพิวเตอร์มากขึ้น  ท่านจะมีคนคอยช่วยแนะนำ ส่งเสริม  สนับสนุน อีกทั้งได้รับข่าวสารที่ทันสมัยเกี่ยวกับเรื่องคอมพิวเตอร์  
4.สร้างความแตกต่างหรือสร้างจากการคิดที่แตกต่าง จงหาไอเดียที่แตกต่างกับคนอื่นๆ โลกเราเจริญก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็ว ก็ด้วยความคิดที่แตกต่างจากคนอื่นๆ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ ฯลฯ พวกเราจะไม่มีวันได้เห็นสิ่งต่างๆ เหล่านี้เลย ถ้าทุกๆคนคิดเหมือนกัน แต่เมื่อมีคนคิดต่างหรือมีไอเดียใหม่ๆ สิ่งเหล่านี้จึงเกิดขึ้น
            5.สร้างจากการหาบุคคลต้นแบบ  หลายคนอยากพูดเก่งแบบอาจารย์จตุพล ชมพูนิช จึงได้ไปศึกษาชีวิต วิธีการเรียนรู้  การฝึกพูดของอาจารย์จตุพล ชมพูนิช แล้วทำตาม จนในที่สุด เขาก็มีการพัฒนา ฝึกฝน ในทางการพูดตามอาจารย์จตุพล ชมพูนิช  ดังนั้น ถ้าท่านอยากเก่งหรือฉลาดด้านใด จงหาบุคคลต้นแบบ แล้วศึกษาชีวิตของเขา แล้ว พยายามเดินตามทางของบุคคลต้นแบบ แล้วความฉลาดและความเก่งก็จะบังเกิดขึ้นภายในตัวของท่าน 
            6.สร้างความอดทน  มานะ พยายาม การทำงาน การสร้างความฉลาด เราต้องเอาชนะอุปสรรคต่างๆ แน่นอนในการทำงานหรือการสร้างตัวเองให้เกิดความฉลาดนั้น เราต้องพบกับปัญหา พบกับอุปสรรค  พบกับความเหนื่อย  การสร้างความอดทนจึงเป็นพื้นฐานที่ทำให้คนเกิดความฉลาด ถ้าท่านมีความอดทนอ่าน อดทนหาความรู้ อดทนในการพัฒนาตนเอง กระผมเชื่อว่าท่านจะสร้างความฉลาดเพิ่มขึ้นได้อีก
            7.สร้างจากการเขียน  จงพยายามเขียนบันทึก การเขียนบันทึกมีข้อดีหลายๆอย่าง เช่น เมื่อท่านได้รับความรู้เรื่องใดๆ ถ้าท่านไม่พยายามเขียน ไม่พยายามบันทึก ความรู้นั้นๆ สักวันหนึ่งท่านก็จะลืมมันไป การเขียนบันทึกยังทำให้เรา เกิดความคิดที่มีเพิ่มเติมมากขึ้น และยังเกิดความคิดที่ทบทวน เกิดความคิดในการวิเคราะห์สิ่งต่างๆมากยิ่งขึ้น
8.สร้างจากการค้นหาตัวเอง  ว่าตนเองชอบอะไร รักอะไร ทำอะไรได้ดีที่สุด เราเริ่มพัฒนาความ
ฉลาดของตนเองจากสิ่งที่ตนเอง ชอบและรัก เช่น บางคนชอบเขียน  จงฝึกเขียน แล้วท่านจะเป็นสุดยอดนักเขียน  ถ้าท่านค้นพบว่าท่านชอบพูด จงไปฝึกฝนการพูด แล้วท่านจะเป็นคนที่พูดเก่ง ถ้าท่านฝึกฝนตนเองพัฒนาตนเอง 

            ทั้ง 8 ข้อนี้คือปัจจัยที่ท่านสามารถสร้างขึ้นเองได้ โดยความขยัน  ความมานะ การฝึกฝนและการพัฒนาตนเอง ถ้าท่านได้ทำตามคำแนะนำข้างต้น กระผมเชื่อว่า ท่านจะเป็นคนที่ฉลาดขึ้นได้อีก ถ้าท่านเกิดมามี IQ (ไอคิว) ไม่มาก แต่ถ้าท่านได้ฝึกฝนตามปัจจัยเหล่านี้ กระผมเชื่อว่า ความฉลาด             ความอิจฉริยะจะบังเกิดขึ้นภายในตัวท่านอย่างแน่นอน