การทำงานด้วยหัวใจ
โดย...ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย
ปัญญโรจน์(ดร.โทนี่)
ที่ปรึกษาด้านภาพลักษณ์และการสื่อสาร
การทำงานอย่างไรให้มีความสุข
การทำงานอย่างไร ที่จะทำงานออกมาจากหัวใจ ก่อนอื่น
เราควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับธรรมชาติของการทำงานกันก่อน
-การทำงานกับความเครียด หากจะพูดไปแล้ว
ความเครียดในการทำงานเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ควรที่จะมีมากจนเกินไปจนกระทั่งเป็นโรคต่างๆ
(โรคนอนไม่หลับ โรคความดัน โรคปวดหัว) หรือมีน้อยจนเกินไป
คนที่ไม่มีความรับผิดชอบในงานส่วนใหญ่มักจะไม่มีความเครียด ไม่มีความกังวัลใจ
ฉะนั้น พระพุทธเจ้าบอกให้เดินสายกลาง
คนที่จะทำงานให้ได้ดีมีประสิทธิภาพมักจะเป็นคนที่มีความเครียดแต่ต้องไม่มาก
งานจึงจะออกมาดี กระผมขอยกตัวอย่างให้เห็นเป็นรูปธรรม ปัจจุบัน
กระผมมีอาชีพวิทยากร หากมีคนเชิญผมให้ไปพูด หากผมไม่มีความเครียดอยู่เลย
รู้สึกสบายๆ ไม่ตื่นเต้น กระผมมักจะไม่ได้เตรียมตัวไปบรรยายหรือทำการบ้าน
แต่ตรงกันข้ามหากว่าผมมีความเครียดมากจนเกินไป พรุ่งนี้จะไปบรรยาย
เลยทำให้นอนไม่หลับ อย่างนี้ก็คงจะไม่ดี ดังนั้น หากว่าผมมีความเครียด
มีความรู้สึกต้องรับผิดชอบ
ผมจะมีการทำการบ้านหรือการเตรียมตัวไปพูดบรรยายเป็นอย่างดี
- การทำงานกับความขัดแย้ง
ความขัดแย้งเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าองค์กรไหนมีคนทำงาน
องค์กรนั้นก็จะมีปัญหาเรื่องความขัดแย้ง ฉะนั้น การทำงานร่วมกันกับคนภายในองค์กร
(หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน) และ การทำงานกับบุคคลภายในองค์กร(ลูกค้า)
ย่อมจะต้องเกิดปัญหาเป็นธรรมดา
เพียงแต่เราต้องรู้จักที่จะลดความขัดแย้งหรือเปลี่ยนแปลงความขัดแย้งให้เป็นเรื่องสร้างสรรค์
ก็จะทำให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองและองค์กรได้
- การทำงานกับมนุษย์สัมพันธ์
การทำงานร่วมกับคน ยิ่งองค์กรไหนมีคนทำงานเป็นจำนวนมาก
บุคคลที่ประสบความสำเร็จในการทำงาน มักจะต้องเป็นผู้ที่มีมนุษย์สัมพันธ์
ซึ่งบุคคลที่มีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี
มักจะเป็นคนที่มีความเข้าใจและยอมรับความแตกต่างของบุคคลได้ เช่น
ยอมรับความแตกต่างระหว่างเพศ ชาย หญิง , ความแตกต่างระหว่างวัย เด็ก วัยรุ่น
ชรา ความแตกต่างขอบุคคล (ร่างกาย , อารมณ์ , จิตใจ , ความรู้สึก , บุคลิกภาพ , ประสบการณ์ )
- การทำงานกับการสื่อสาร
คนเราทำงานร่วมกันมักจะมีปัญหาเรื่องของการสื่อสาร
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้น้ำเสียง การสื่อสารที่ผิดพลาด การสื่อสารที่ไม่ชัดเจน
การสื่อสารที่ขาดการกลั่นกรอง ฯลฯ
-การทำงานกับความรักในงานที่ทำ
บุคคลที่ประสบความสำเร็จในระดับสูง มักจะเป็นคนที่รักในงานที่ตนเองทำ
ตรงกันข้ามบุคคลโดยทั่วไป มักเลือกทำงานเพราะเห็นแก่เงินเป็นอันดับแรก
อีกทั้งไม่รู้จักตัวตน ว่าตนเองชอบทำงานอะไรกันแน่ เขาจึงทำงานด้วยความเบื่อหน่าย
ไม่สนุกกับการทำงาน โทมัส อัลวา เอดิสัน เขาชอบประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ
เขาสามารถอยู่ในห้องทดลองได้ทั้งวันทั้งคืน โดยไม่รู้สึกเหนื่อยหรือเบื่อหน่าย
เหตุเพราะว่าเขารักในงานที่เขาทำ เขาไม่คิดว่านั้นคืองาน
แต่เขามีความสนุกกับมันต่างหาก , สตีฟ จอบส์ บิล เกตต์ ชอบคอมพิวเตอร์
เขาสามารถอยู่กับคอมพิวเตอร์ได้อย่างไม่รู้จักเบื่อหน่าย
เพราะเขารักในเรื่องราวต่างๆของคอมพิวเตอร์นั้นเอง
- การทำงานกับการบริหารเวลา
หลายคนที่มีความเครียดในการทำงาน มีความเหนื่อยหน่าย ท้อแท้ในการทำงาน
สาเหตุหนึ่งก็เนื่องมาจาก การที่บุคคลคนนั้น ไม่รู้จักเรื่องของการบริหารเวลา
เขาไม่รู้ว่างานไหนเป็นงานสำคัญ งานไหนเป็นงานที่ไม่สำคัญ งานไหนควรทำก่อน
งานไหนควรทำทีหลัง จึงทำให้เขาเกิดความเครียด เมื่องานที่จะต้องทำให้เสร็จ
กลับยังไม่ได้ทำ ทั้งๆที่ ควรจะทำเสร็จตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว
แต่เขาปล่อยให้เวลาผ่านไป(ดินพอกหางหมู) โดยการเลือกทำงานที่ไม่สำคัญก่อน ฉะนั้น
การบริหารเวลาดีมักจะทำให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีความสุขในการทำงานมากขึ้น
- การทำงานกับการคิดถึงประโยชน์ที่ได้รับจากงาน
งานหลายๆงาน มีเงินเดือนน้อย แต่เมื่อทำไปแล้ว เกิดความสุขอย่างมากมายมหาศาล
อีกทั้งเมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ก็ยิ่งทำให้เกิดความภาคภูมิใจ เช่น ครู อาจารย์
ได้รับเงินเดือนน้อย แต่ก็สามารถเกิดความสุขในงานได้ หากว่าคำนึงถึง
เด็กๆที่จบออกไปเป็นอนาคตของประเทศชาติ
- การทำงานกับแนวทางพุทธศาสนา อิทธิบาท 4 เป็นแนวทางที่พระพุทธเจ้าสอนไว้เมื่อ 2556 ปี แต่ก็ยังคงทันสมัย คือ ฉันทะ
ต้องมีความรักในงานที่ตนเองทำ(ใจรัก) , วิริยะ
ต้องมีความพากเพียรในการทำงาน(ใจสู้) , จิตตะ ต้องมีความเอาใจใส่ในงาน(ใจใส่)
และวิมังสา ต้องมีความไตร่ตรองในผลงานที่ตนเองทำ(มีใจตรวจสอบ)
ดังนั้น การที่บุคคล
คนหนึ่งจะมีหัวใจที่รักงานหรือมีการทำงานด้วยหัวใจ จะต้องมีองค์ประกอบหลายๆอย่าง
ซึ่งองค์ประกอบข้างต้น เป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญ
หากท่านเป็นคนหนึ่งที่อยากจะทำงานด้วยหัวใจ ท่านควรจะพัฒนาตนเอง ปรับปรุง
เปลี่ยนแปลง ให้ตนเองมีคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น