บุคลิกภาพ กับ ดร.โทนี่
วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2568
ถนนพิพาทเป็นทางออกสู่ถนนสาธารณะ เริ่มสร้างเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ไม่มีผู้ใดห้ามปราม ถือได้ว่าเจ้าของที่ดินพิพาทเดิมได้ยกที่ดินส่วนที่ถนนพิพาทตัดผ่านให้เป็นทางสาธารณะ อันเป็นการสละที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน โดยไม่จำต้องมีการจดทะเบียนยกให้เป็นทางสาธารณะต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2526/2540 ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่าทางพิพาทเป็นทางภารจำยอมหรือไม่ แล้ววินิจฉัยว่าทางพิพาทไม่ได้เป็นทางภารจำยอม ห้ามจำเลยและบริวารใช้ทางพิพาท แต่เมื่อทางสาธารณะนั้นประชาชนทุกคนมีสิทธิใช้ได้ บุคคลใดก็ไม่มีอำนาจห้ามบุคคลอื่นใช้ทางสาธารณะ ดังนั้นแม้จำเลยจะสละข้อต่อสู้ที่ว่าถนนพิพาทเป็นทางสาธารณะไปแล้ว คงต่อสู้ว่าถนนพิพาทเป็นทางภารจำยอมเพียงประเด็นเดียวก็ตามหากข้อเท็จจริงปรากฏว่าถนนพิพาทเป็นทางสาธารณะ ศาลอุทธรณ์ก็มีอำนาจวินิจฉัยว่าถนนพิพาทเป็นทางสาธารณะได้ หาเป็นการนอกประเด็นไม่ นอกจากอาจารย์โรงเรียนประมาณ 200 คน และนักเรียนประมาณ 3,000 คนแล้ว ยังมีราษฎรซึ่งมีบ้านเรือนอยู่ในละแวกถนนพิพาทกว่า 20 ครัวเรือน ได้ใช้ถนนพิพาทเป็นทางออกสู่ถนนสาธารณะ โดยบางคนใช้ถนนพิพาทมาตั้งแต่เริ่มสร้างเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว ไม่มีผู้ใดห้ามปราม ถือได้ว่าเจ้าของที่ดินพิพาทเดิมได้ยกที่ดินส่วนที่ถนนพิพาทตัดผ่านให้เป็นทางสาธารณะ อันเป็นการสละที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304 โดยไม่จำต้องมีการจดทะเบียนยกให้เป็นทางสาธารณะต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ #ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
›
ถือได้ว่าเจ้าของที่ดินพิพาทเดิมได้ยกที่ดินส่วนที่ถนนพิพาทตัดผ่านให้เป็นทางสาธารณะ อันเป็นการสละที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพ...
วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2568
ท้าตำรวจหรือท้าเจ้าหน้าที่ต่อย ไม่มีความผิดฐาน “ดูหมิ่น” ตำรวจหรือเจ้าพนักงาน แต่ไม่สมควรกระทำ ฎีกาที่ 4529/2536และ4327/2540
›
ท้าตำรวจหรือท้าเจ้าหน้าที่ต่อย ไม่มีความผิดฐาน “ดูหมิ่น” ตำรวจหรือเจ้าพนักงานแต่ไม่สมควรกระทำฎีกาที่ 4529/2536และ4327/2540คำพิพากษาศา...
เงินสงเคราะห์และเงินบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนที่ถึงแก่ความตาย พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 ไม่เป็นทรัพย์มรดก คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3656/2557 เงินสงเคราะห์กรณีผู้ประกันตนถึงแก่ความตายและเงินบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนที่ถึงแก่ความตายนั้น พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 ได้บัญญัติให้จ่ายแก่บุคคลตามมาตรา 73 (2) และทายาทผู้มีสิทธิตามมาตรา 77 จัตวา ตามลำดับ เป็นกรณีที่กฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะแล้ว อีกทั้งประโยชน์ทดแทนในกรณีดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่ผู้ประกันตนที่ถึงแก่ความตายได้มาเนื่องจากความตายหรือได้มาภายหลังที่ผู้ประกันตนถึงแก่ความตายและเป็นสิทธิเฉพาะตัวของผู้ประกันตนโดยแท้ ไม่เป็นทรัพย์มรดก โจทก์เป็นพี่ร่วมบิดามารดาเดียวกับผู้ประกันตน ไม่ใช่บุคคลและทายาทผู้มีสิทธิตาม พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 มาตรา 73 (2), 77 จัตวา จึงไม่มีสิทธิรับเงินดังกล่าว #ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
›
เงินสงเคราะห์และเงินบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตนที่ถึงแก่ความตาย พ.ร.บ.ประกันสังคม พ.ศ.2533 ไม่เป็นทรัพย์มรดกคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3656/25...
วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2568
ซื้อสลากกินแบ่งฯ ก่อนสมรสกัน แต่ออกรางวัลหลังจากที่สมรสกัน เงินรางวัลที่ได้ ถือว่า เป็นสินสมรส คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2537
›
ซื้อสลากกินแบ่งฯ ก่อนสมรสกันแต่ออกรางวัลหลังจากที่สมรสกันเงินรางวัลที่ได้ ถือว่า เป็นสินสมรส คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1053/2537โจทก์บรรยายฟ้อ...
วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2568
ไม่เป็นไร วางเป้าหมายใหม่ วางแผนใหม่ เชื่อว่าหลายคน กำลังเจอเหตุการณ์แบบนี้ ใช้ชีวิตอยู่ไปเรื่อยๆ แล้วพบว่า ตอนนี้ เรารู้สึกว่า เส้นทางที่เราเดินอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่เส้นทางของเรา ไม่ใช่ทางที่เราอยากเดิน ทั้งๆที่ในอดีตเราฝันว่า “ ใช่” #อาจารย์โทนี่ #สุทธิชัย ปัญญโรจน์
›
ไม่เป็นไร วางเป้าหมายใหม่ วางแผนใหม่ เชื่อว่าหลายคน กำลังเจอเหตุการณ์แบบนี้ ใช้ชีวิตอยู่ไปเรื่อยๆ แล้วพบว่า ตอนนี้ เรารู้สึกว่า เส้นทางท...
วันอังคารที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2568
ความผิดฐานลักทรัพย์เป็นการเอาทรัพย์ไป เป็นความผิดสําเร็จเมื่อทรัพย์เคลื่อนที่ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 413/2552 จำเลยยังมิได้พาเตาอบไฟฟ้าของผู้เสียหายออกไปพ้นนอกห้างสรรพสินค้าของผู้เสียหาย แต่ก็ได้เคลื่อนย้ายเตาอบไฟฟ้าออกจากจุดที่ผู้เสียหายเก็บหรือวางทรัพย์นั้นไว้ ทั้งยังผ่านจุดที่ลูกค้าจะต้องชำระค่าสินค้าแก่พนักงานเก็บเงินไปแล้ว จึงถือได้ว่าจำเลยพาทรัพย์ของผู้เสียหายเคลื่อนที่ไปแล้วโดยมีเจตนาทุจริต การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดสำเร็จ #ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
›
ความผิดฐานลักทรัพย์เป็นการเอาทรัพย์ไป เป็นความผิดสําเร็จเมื่อทรัพย์เคลื่อนที่คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 413/2552จำเลยยังมิได้พาเตาอบไฟฟ้าของผู้เส...
วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568
ทำสัญญาขายฝาก ขอผ่อนจ่ายดอกเบี้ยและต้นเงิน เป็นรายเดือน คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2514/2561 ดอกเบี้ยที่โจทก์ผ่อนชำระให้แก่จำเลยที่ 1 ในอัตราร้อยละ 3 ต่อเดือน เป็นเงิน 2,100 บาท หรือเท่ากับ 25,200 บาท ต่อปี เมื่อนำไปรวมกับต้นเงิน 70,000 บาท เป็นเงิน 95,200 บาท เป็นจำนวนใกล้เคียงกับราคาสินไถ่ 95,000 บาท การที่โจทก์ชำระดอกเบี้ยทุกเดือน จึงเป็นการชำระดอกเบี้ยตามสัญญากู้และแสดงว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 มีเจตนาทำสัญญากู้ยืมเงินตั้งแต่ต้น ไม่มีเจตนาที่จะทำสัญญาขายฝาก การนำโฉนดที่ดินมาวางเป็นเพียงให้จำเลยที่ 1 ยึดถือประกันหนี้เงินกู้ยืมเท่านั้น สัญญาขายฝากที่ทำไว้จึงเป็นนิติกรรมอำพรางการกู้ยืมเงินและตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคหนึ่ง ต้องบังคับตามสัญญากู้ยืมเงินซึ่งเป็นนิติกรรมที่ถูกอำพรางตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคสอง แม้การขายฝากที่ดินจะตกเป็นโมฆะ ต้องเพิกถอนสัญญาขายฝาก เป็นผลให้ที่ดินพิพาทยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ก็ตาม แต่จำเลยที่ 1 ได้ขายที่ดินพิพาทให้จำเลยที่ 2 ไปก่อนแล้ว ซึ่งจำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้ว่ารับโอนที่ดินพิพาทมาโดยสุจริต เสียค่าตอบแทนและจดทะเบียนแล้ว ประกอบกับโจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 2 รับโอนที่ดินพิพาทมาโดยไม่สุจริต และจากทางนำสืบของโจทก์ก็ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 จะได้รู้ว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ไม่ได้มีเจตนาที่จะทำสัญญาขายฝากที่ดินพิพาทกันจริง จำเลยที่ 2 จึงเป็นบุคคลภายนอกผู้กระทำการโดยสุจริตและต้องเสียหายจากการแสดงเจตนาลวง ย่อมได้รับคุ้มครองตาม ป.พ.พ. มาตรา 155 วรรคหนึ่ง ตอนท้าย โจทก์จึงไม่อาจเพิกถอนนิติกรรมการซื้อขายที่ดินพิพาทระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ได้ #ทนายโทนี่ #ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์
›
ทำสัญญาขายฝาก ขอผ่อนจ่ายดอกเบี้ยและต้นเงิน เป็นรายเดือน คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2514/2561 ดอกเบี้ยที่โจทก์ผ่อนชำระให้แก่จำเลยที่...
›
หน้าแรก
ดูเวอร์ชันสำหรับเว็บ