การพูดต่อหน้าที่ชุมชน
การพูดต่อหน้าสาธารณะชน
โดย
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย
ม.พิษณุโลก
การพูดที่ประสบความสำเร็จ
คนพูดต่อหน้าที่ชุมชน ควรคำนึงถึง วัตถุประสงค์ของการพูดหรือเป้าหมายของการพูด
ซึ่งเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของการพูดมีอยู่ 3 แบบคือ
๑. แบบจูงใจหรือชักชวนหรือโน้มน้าว เป็นการพูดเพื่อจูงใจให้ผู้ฟังคล้อยตามผู้พูด
เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความ
เชื่อและทัศนคติ การกระทำ เช่น การพูดในรัฐสภา ,
การพูดหาเสียงของนักการเมือง , การพูดให้บริจาคร่างกายหรือบริจาคเลือด เป็นต้น
๒.
แบบบอกเล่าหรือบรรยาย เป็นการพูดเพื่อบอกเล่าหรือบรรยายหรือสอน
เพื่อให้ผู้ฟังได้รับความรู้ ได้รับข้อมูลข่าวสาร เช่น ครู อาจารย์ สอนหนังสือในห้องเรียน ,
การเล่าข่าวในช่องข่าวต่างๆซึ่งปัจจุบันเป็นที่นิยมกันมากและผู้ฟังนิยมให้ผู้ประกาศข่าวเล่าข่าวมากกว่าการอ่านข่าวแบบเดิมๆ
ซึ่งทำให้ผู้ฟังเกิดความสนุกสนานมากกว่า เป็นต้น
๓.
แบบบันเทิงหรือรื่นเริง เพื่อจรรโลงใจ
เพื่อสร้างความบันเทิง ความสนุกสนาน อารมณ์ขันในการฟัง เช่น ทอล์คโชว์ , เดี่ยวไมค์โครโฟน
เป็นต้น
เมื่อนักพูดทราบว่าเรามีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการพูดแต่ละเวทีอย่างไร
เราก็ต้องพูดให้ตรงกับวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการพูด ก็จะประสบความสำเร็จ
มากกว่าผู้พูดที่ไม่รู้จักวิเคราะห์วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการพูดและอีกประการหนึ่งนักพูดต่อหน้าที่ชุมชนที่ประสบความสำเร็จต้องรู้และปรับใช้การพูดของตนเองตามสถานการณ์ต่างๆเช่น
ซึ่งการพูดต่อหน้าชุมชนมีอยู่ด้วยกัน ๔ ประเภท ดังนี้
๑. พูดแบบท่องจํา คือ การเตรียมเรื่องพูดโดยการท่องจำ เนื้อหา
สาระ มาพูด โดยพูดอย่างมีศิลปะให้ดูอย่างเป็นธรรมชาติ มีการใช้ภาษากายประกอบการพูด
๒.
พูดแบบมีต้นฉบับ คือ การพูดไปอ่านเนื้อหาจากต้นฉบับที่ร่างเพื่อนำเอาไปพูด ซึ่งการพูดลักษณะนี้ ไม่ควรจะก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างเดียว
ผู้พูดควรมีการซ้อมพูดหรือฝึกพูดจากต้นฉบับมาก่อนหลายๆรอบ เพื่อให้การพูดแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติ
๓.
พูดจากความเข้าใจ คือการพูดที่มีการเตรียมเนื้อหามาล่วงหน้า ผู้พูดต่อเข้าใจเนื้อหาของต้นฉบับเป็นอย่างดี
ยิ่งเข้าใจถึงขั้นแตกฉานในเนื้อหาที่พูดผู้พูดก็จะสื่อสารได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เป็นกันเองได้มากยิ่งขึ้น
๔. พูดแบบกะทันหัน คือ เป็นการพูดที่ไม่ได้มีโอกาสเตรียมตัวไปพูดเลย
ซึ่งผู้พูดประเภทนี้ต้องมีไหวพริบปฏิภาณ
ในการพูดสามารถแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี
ต้องพูดเพื่อให้คนฟังเข้าใจโดยมีการลําดับความคิด เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจได้ง่ายขึ้น
โดยสรุปคือ ผู้พูดที่ประสบความสำเร็จในการพูดต่อหน้าสาธารณะชน
มีดังต่อไปนี้
๑. ผู้พูดต้องเข้าใจจุดมุ่งหมายหรือวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายในการพูดเป็นอย่างดี
๒.ผู้พูดต้องรู้จักวิเคราะห์ผู้ฟัง ว่าผู้ฟัง
เป็นคนเพศใด วัยใด ระดับการศึกษาระดับใด สถานภาพทางสังคม อาชีพอะไร
ความสนใจของผู้ฟัง ความคาดหวังและทัศนคติของผู้ฟังที่มีต่อเรื่องที่พูด
๓.เตรียมขอบเขตเนื้อหาของเรื่องที่จะพูด
โดยคํานึงถึงเนื้อเรื่อง สาระ และระยะเวลาในการพูด ประเด็นสําคัญๆที่จะต้องพูด
๔.เตรียมข้อมูล ค้นคว้า หาข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวกับเนื้อหาที่จะพูดมาให้มากที่สุดซึ่งต้องอาศัย
การค้นคว้าจากการอ่าน การฟัง การสัมภาษณ์ การสอบถามจากผู้รู้ที่มีความรู้และประสบการณ์
๕.ต้องเขียนสคิป เกี่ยวกับโครงสร้างของเรื่องที่จะพูดออกมาทั้งหมดว่าจะขึ้นต้นอย่างไร
ตรงกลางอย่างไร สรุปจบอย่างไร โดยคำนึงถึงปัจจัยด้านเวลา ผู้ฟัง สถานที่
ภาษาที่ใช้ ความเข้าใจง่าย ตรงประเด็น เหมาะกับสถานการณ์ที่จะพูด
๖. ซ้อมพูด ซ้อมพูด และซ้อมพูด เพื่อให้เกิดความมั่นใจในตนเอง
ผู้พูดต้องมีการซ้อมพูด จงหาสถานที่ที่สงบๆ แล้วซ้อมพูด ออกเสียงออกมาดังๆ จงใช้ท่าทางประกอบการพูด
ถ้าเป็นไปได้จงหาเครื่องถ่ายวีดีโอหรือกล้องวีดีโอจากโทรศัพท์มือถือถ่ายหรือบันทึกแล้ว
เปิดออกมาดูจะได้รู้ว่า เราควรจะปรับปรุง จังหวะการพูดอย่าง
เราควรจะแก้ไขภาษากายอย่างไรในการพูด
7.สุดท้าย
เมื่อเราต้องพูดต่อหน้าที่ชุมชนจริงๆ เราจะต้องมีการหยืดหยุ่นหรือปรับตามสถานการณ์
เช่น เจ้าภาพให้เราพูด 1 ชั่วโมง แต่ปรากฏว่ามีรายการอื่นๆ
เกิดขึ้นจึงเหลือเวลาให้กับเราแค่ ครึ่งชั่วโมง เราก็ต้องมีการปรับทอนเนื้อหาที่ไม่สำคัญออกเพื่อให้เวลาเหลือแค่ครึ่งชั่วโมง
หรือ ช่วงเวลาที่เราพูดเกิดไฟฟ้าดับ เราก็ต้องมีการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ เป็นต้น
ทั้งนี้
การพูดต่อหน้าที่ชุมชน เป็นทั้งศาสตร์และศิลปะ ซึ่งเราทุกคนสามารถเรียนรู้กันได้
พัฒนากันได้ ฝึกฝนเพื่อเพิ่มทักษะกันได้
และเราทุกคนสามารถเป็นนักพูดที่ดีและประสบความสำเร็จได้ซึ่งขึ้นอยู่กับความตั้งใจ
ความปรารถนาอย่างแรงกล้าของแต่ละบุคคลนั้นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น