เทคนิคในการเรียนพูดภาษาอังกฤษ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
ปัจจุบัน ภาษาอังกฤษมีความสำคัญมาก
ใครที่เก่งภาษาอังกฤษย่อมสร้างโอกาสและมักจะได้เปรียบคนอื่นๆ ไม่จะเป็นเรื่องของหน้าที่การงาน การติดต่อสื่อสาร
โอกาสในการสอบชิงทุนการศึกษาเพื่อไปต่างประเทศหรือการสอบไปดูงาน ต่างประเทศ
หรือทำวิจัย ทดลอง ค้นคว้า ในต่างประเทศ
ซึ่งจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในสอบแข่งขัน
ยิ่งปัจจุบันประเทศไทย
ได้เข้าสู่ AEC หรือ Asean Economics Community คือการรวมตัวของชาติใน Asean 10 ประเทศ. ได้แก่ ไทย พม่า ลาว
เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา บรูไน.
ซึ่งมีข้อตกลงกันว่าให้ใช้ภาษาอาเซียนในการติดต่อสื่อสารกัน
ซึ่งภาษาอาเซียนก็คือภาษาอังกฤษนั่นเอง
สำหรับบทความนี้ กระผมมีเทคนิคในการเรียนพูดภาษาอังกฤษให้ได้ผล
มาฝากกัน คือทำอย่างไรถึงจะพูดภาษาอังกฤษได้ ทั้งนี้จะสังเกตดูว่า ประเทศไทยของเรา
เรียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่อนุบาลจนถึงเรียนในมหาวิทยาลัย แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้
เทคนิคในการเรียนพูดภาษาอังกฤษให้ได้ผลมีดังนี้
1. ฟัง ฟัง ฟัง คือ ฟังภาษาอังกฤษให้มากๆ ฟังทุกๆวัน
ฟังในทุกที่ที่โอกาสอาจจะฟังครั้งละ 5 นาที
10 นาที 15 นาที ฟังในทุกสถานที่ เช่น เวลาอาบน้ำ
ก็เปิดภาษาอังกฤษฟัง
เวลาเดินออกกำลังกายก็ใช้หูฟัง ฟังภาษาอังกฤษไปด้วย ถ้าทำได้เช่นนี้
เราจะสามารถฟังภาษาอังกฤษสะสมได้วันละอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ทีเดียว
2. ฟังซ้ำไป ซ้ำมา
ให้เกิดการจดจำและเกิดทักษะในการเข้าใจภาษาอังกฤษมากขึ้น
เช่นเราฟังนิทานภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องใหม่
เราฟังครั้งแรกเราอาจจะไม่เข้าใจ 100 % เราอาจจะเข้าใจเพียง 30%
แต่ถ้าเราฟังครั้งที่
2 เราอาจจะจำเรื่องราวได้ชัดเจนขึ้น
และความเข้าใจก็จะเพิ่มขึ้นจาก 30%เป็น 35% และถ้าเราฟังครั้งที่ 3,4,5,6,7,8,9,10…………เ
ราก็จะยิ่งเข้าใจเรื่องราวชัดเจนขึ้นเรื่อยๆจนถึง 100 %
3. ฟังเรื่องที่ง่ายๆไปหาเรื่องที่ยากๆ เช่น
ฟังนิทานสำหรับเด็กก่อน เพราะใช้คำศัพท์ที่ง่าย
ถ้าเราเริ่มต้นจากการฟังข่าวภาษาอังกฤษซึ่งมีศัพท์ที่ยากหรือมีศัพท์เฉพาะเยอะ
เราก็อาจจะเรียนรู้ได้ช้าลง เหมือนกับการยกน้ำหนัก
เราควรที่จะเริ่มจากน้ำหนักที่น้อยก่อนแล้วเพิ่มจำนวนน้ำหนักขึ้นไปทีละนิด ถ้าเราเริ่มจากการยกน้ำหนักที่มีน้ำหนักมากเราก็จะยกมันไม่ไหว
4. ฟังเรื่องราวที่สามารถนำเอาไปใช้ในการสนทนาภาษาอังกฤษได้จริงๆ
ไม่ควรฟังหรืออ่านหนังสือ ตำรา เรียนซึ่งไม่สามารถช่วยทำให้เราสนทนาภาษาอังกฤษได้ดี
เพราะในตำราเรียนเป็นรูปแบบที่ตายตัว แต่ในความจริงเราสามารถตอบได้หลายคำตอบ เช่น
คนที่ 1 Good morning.How
are you? คนที่ 2 I am fine. Thank you and you. คนที่ 1 I am fine.ประโยคพวกนี้พวกเราคงฟังกันคุ้นหูเนื่องจากอยู่ในหนังสือเรียนภาษาอังกฤษเป็นส่วนใหญ่แต่ในความเป็นจริง
เราสามารถตอบได้หลายคำตอบ เช่น คนที่ 1 Good
morning.How are you?
คนที่ 2 I am good. I am sick. I am great.I am
very well today. I am tired. I am hungry.I am not so good today.เป็นต้น
ดังนั้น ถ้าท่านอยากพูดอังกฤษได้ ท่านจะต้องฟังภาษาอังกฤษให้มาก
เพราะการพูดมาจาก
การฟัง
เมื่อท่านฟังภาษาอังกฤษได้หรือรู้ว่าเขาพูดอะไร ท่านก็จะเข้าใจและท่านก็จะเริ่มขยับปากพูดได้ทีละนิดทีละหน่อย
เมื่อท่านฟังภาษาอังกฤษเข้าใจได้ระดับหนึ่ง
ขั้นต่อไปกระผมแนะนำให้เริ่มอ่านภาษาอังกฤษ
เพราะจะทำให้เรารู้ศัพท์เพิ่มมากขึ้นและทำให้เราพูดภาษาอังกฤษได้ดียิ่งขึ้น
การอ่านภาษาอังกฤษก็ใช้หลักการเดียวกันกับการพูดก็คือ อ่านทุกเวลาที่มีโอกาส
อ่านซ้ำไป
ซ้ำมาหลายๆรอบ(ซึ่งสิ่งที่เราฟังและซึ่งที่เราอ่านควรเป็นเรื่องที่เราชอบ)
อ่านจากหนังสือที่ง่ายๆไปหนังสือที่ยาก(เช่นอ่านนิทานสำหรับเด็กก่อน
ไม่ควรอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษก่อนในระยะที่ฝึกฝนใหม่ๆ) และไม่ควรอ่านหนังสือเรียน
หนังสือตำราเรียนภาษาอังกฤษ(เพราะพวกเราอ่านมากแล้วในโรงเรียนในมหาวิทยาลัยแต่ก็ลืมไปเกือบหมด)
ควรอ่านหนังสือจำพวกนิทานหรือหนังสือที่ช่วยทำให้การพูดภาษาอังกฤษได้ดี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น