วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2559

บทความ การตลาดสำหรับธุรกิจ SME

การตลาดสำหรับธุรกิจ SME
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
อาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัย ม.พิษณุโลก
                        เจ้าของกิจการธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง มักจะบ่นอยู่เสมอว่า เจ้าของกิจการธุรกิจขนาดใหญ่หรือบริษัทขนาดใหญ่ มักจะได้เปรียบในการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทุน เรื่องของการกำหนดราคาสินค้า เรื่องของการบริการ ฯลฯ
                                โดยเฉพาะเรื่องของการตลาด เจ้าของกิจการธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง มักจะให้ร้ายว่า เจ้าของกิจการธุรกิจขนาดใหญ่หรือบริษัทขนาดใหญ่ แย่งส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นจำนวนมากหรือบางธุรกิจถึงขั้นผูกขาดทางด้านการตลาดไปเลยก็มี
                                แต่จริงๆ แล้ว ธุรกิจขนาดใหญ่ ก็มาจากธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก นั่นเอง อีกทั้งธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ยังมีข้อได้เปรียบธุรกิจขนาดใหญ่หลายอย่าง เช่น มีความยืดหยุ่นและมีความรวดเร็วกว่าในหลายๆเรื่อง ไม่ว่าเรื่อง การตัดสินใจ ความคล่องตัว  ทางด้านการกำหนดนโยบายต่างๆทางด้านการตลาด  ในบทความฉบับนี้ เราจะมาพูดถึง การตลาดสำหรับธุรกิจ SME (Small and Medium Enterprise) ว่ามีอะไรบ้าง
                                1.Branding หรือ ตราสินค้า เจ้าของกิจการ SME มักละเลยสิ่งนี้ คือการสร้าง Branding ซึ่งตรงกันข้ามกับธุรกิจขนาดใหญ่มักให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง การสร้าง Branding ประกอบไปด้วย สี  ภาพ โล้โก้ ภาพลักษณ์ที่สอดคล้องกันระหว่างตราสินค้ากับองค์กร
                        เจ้าของกิจการ SME หลายคนมักเป็นห่วงเรื่อง งบประมาณเพราะคิดว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงในการสร้าง Branding แต่จริงๆแล้ว การสร้าง Branding ในปัจจุบัน ทำได้ง่ายและใช้ต้นทุนที่ถูก เพราะเราสามารถใช้ สื่อ Social media ผ่านระบบ อินเตอร์เน็ตแบบ ฟรีหรือในราคาที่ถูก
เพียงแต่เจ้าของกิจการ SME ต้องสร้างเนื้อหาที่โดนใจคน เพื่อทำให้คนสนใจ คนจดจำและบอกต่อ ก็จะทำให้การสร้าง Branding เป็นไปอย่างรวดเร็วและดียิ่งขึ้น
ฉะนั้น หากว่าคุณเป็นเจ้าของธุรกิจ SME แล้วคุณต้องการที่จะเติบโตไปเป็นเจ้าของกิจการ
ขนาดใหญ่ หรือบริษัทขนาดใหญ่ คุณอย่าได้ละเลยการสร้าง Branding
                        2.Consumer behavior analysis หรือ การวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค
พฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มเป้าหมายมีความสำคัญต่อการซื้อสินค้าและบริการ เจ้าของกิจการ SME ควรศึกษาและควรทำความเข้าใจ โดยการวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้บริโภคสามารถแบ่งได้ดังนี้
                2.1.Who ลูกค้าของเราเป็นใคร หรือใครที่จะซื้อสินค้าและบริการของเรา  โดยนำเรื่องของรายได้  เพศ  อายุ  การศึกษา วัย รสนิยม มาทำการวิเคราะห์
                2.2.What ลูกค้าต้องการซื้ออะไร  เช่น  ซื้อความหอม , ซื้อความรวดเร็ว , ซื้อความสะดวกสบาย , ซื้อรสชาติ , ซื้อความภาคภูมิใจ เป็นต้น
                2.3.Why ทำไมลูกค้าถึงซื้อ  เช่น เหตุผลในการซื้อมีอะไรบ้าง ซื้อเพราะต้องการความสะอาด , ซื้อเพราะต้องการความอิ่มท้อง , ซื้อเพราะต้องการความรวดเร็ว , ซื้อเพราะต้องการความภาคภูมิใจ เป็นต้น
                2.4.Who Participates ใครมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ กล่าวคือ ในบางครั้ง คนใช้ไม่ได้ซื้อ คนซื้อไม่ได้ใช้ เราต้องวิเคราะห์ลงไปว่าใครคือคนตัดสินใจซื้อ เช่น สินค้าภายในบ้าน แม่บ้านมักจะเป็นคนตัดสินใจซื้อมากกว่าพ่อบ้าน
                2.5.Where ซื้อที่ไหน  กล่าวคือ ผู้บริโภคหรือลูกค้า สามารถซื้อสินค้าและบริการของเราได้ที่ไหน เรามีช่องทางในการจัดจำหน่ายที่ใดบ้าง เช่น มีหน้าร้าน , มีช่องทางในการจัดจำหน่ายทางอินเตอร์เน็ต , มีการขายตามห้างสรรพสินค้า , มีการขายตามงานต่างๆ เป็นต้น
                3.การกำหนด กลยุทธ์ 4 P ( Product , Price , Place , Promotion) หรือ ส่วนประสมทางการตลาด
 ผลิตภัณฑ์ (Product) คือ  สินค้าหรือบริการของเรา โดยคำนึงถึงเรื่องต่างๆดังนี้  คุณภาพของสินค้า รูปแบบผลิตภัณฑ์  หีบห่อ ความทันสมัย ความมีเอกลักษณะ กลิ่น  น้ำหนัก
ราคา (Price) คือ การตั้งราคาขาย  มีความสำคัญมาก  นอกจากเรื่องของผลิตภัณฑ์แล้ว การตั้งราคาขาย ก็เป็นสิ่งที่สามารถดึงดูดใจของลูกค้าหรือผู้ซื้อได้   
ช่องทางการจัดจำหน่าย (Place) ก็คือ สถานที่ หรือ วิธีการที่จะนำผลิตภัณฑ์ของเราไปถึงมือของลูกค้าได้อย่างไร โดยคำนึงถึง ความสะดวก ความรวดเร็ว การกระจายสินค้าและการมีหลายช่องทางในการจัดจำหน่ายให้มากที่สุด  
การส่งเสริมการตลาด (Promotion) คือ การสื่อสารกับลูกค้า ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่น การโฆษณา การประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อต่างๆ  การส่งเสริมการขาย การบริการ รวมไปถึงการขายตรงโดยผ่านพนักงานขาย
ซึ่ง การกำหนด กลยุทธ์ 4 P ( Product , Price , Place , Promotion) หรือ ส่วนประสมทางการตลาด จะต้องทำอย่างสอดคล้องกัน  ถ้าจะให้ดีก็ควรมีการเปรียบเทียบกับคู่แข่งขันด้วยยิ่งจะทำให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
                4.Customer Relationship Management การจัดการลูกค้าสัมพันธ์  เป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าเกิดการซื้อซ้ำ การหาลูกค้ารายใหม่ๆ ก็มีความยากลำบากอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ยากยิ่งกว่าก็คือ การรักษาฐานลูกค้าเก่าๆ เอาไว้ เพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ และการบอกต่อ การจัดการลูกค้าสัมพันธ์จึงเป็นเรื่องของการสร้างความภักดีและเป็นการรักษาฐานลูกค้านั่นเอง
                5.IMC (Integrated Marketing Communication-IMC) การสื่อสารการตลาดแบบบูรณาการ หรือเป็นการใช้เครื่องมือในการสื่อสารอย่างครบเครื่อง กล่าวคือ จะใช้การสื่อสารทุกรูปแบบ การใช้สื่อทุกสื่อ โดยให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย  เหมาะสมกับสถานการณ์
                6.Budget งบประมาณ  การกำหนดงบประมาณในการดำเนินงานทางการตลาดเป็นสิ่งที่มีความจำเป็น เพราะถ้าไม่มีงบประมาณในการทำการตลาด การทำธุรกิจ การขายสินค้า และบริการ ก็คงจะทำได้ไม่ดีนัก ฉะนั้น เจ้าของกิจการ ถ้าต้องกำไร ถ้าต้องการให้ธุรกิจก้าวหน้า ก็คงต้องมีการจัดสรร งบประมาณ สำหรับการทำการตลาด
                สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นนี้  เป็นเรื่องของการตลาดสำหรับธุรกิจ SME ซึ่ง ศาสตร์ทางด้านการตลาดเป็นศาสตร์ที่กว้างขวาง  เป็นศาสตร์ที่ไม่มีกฏเกณฑ์ตายตัว  ศาสตร์บางศาสตร์หรือทฤษฏีบางทฤษฏี อาจจะเหมาะสมสำหรับสถานการณ์หนึ่ง แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ศาสตร์นั้นๆ หรือทฤษฏีนั้นๆ ก็อาจจะไม่เหมาะสมที่จะนำเอาไปใช้
                อีกทั้ง ควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย เช่น  การออกกฎหมาย , ความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทางด้านเทคโนโลยี , สงคราม , การเมือง , ศาสนา , อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ , โรคภัยไข้เจ็บ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ ส่งผลกระทบต่อการทำการตลาดของธุรกิจ SME ทั้งสิ้น




วันอังคารที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2559

การใช้วาทศิลป์ขั้นสูงสำหรับผู้บริหาร

ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " การใช้วาทศิลป์ขั้นสูงสำหรับผู้บริหาร " ให้แก่ผู้บริหารที่เดินทางมาจากทั่วประเทศ ณ วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ปทุมธานี
ท่านใดที่สนใจงานวิชาการของ ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ ท่านสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.drsuthichai.com









วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2559

สาธารณสุขไทยสู่บริบทประชาคมอาเซียน

ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยายหัวข้อ " สาธารณสุขไทยสู่บริบทประชาคมอาเซียน" ณ ทับขวัญ รีสอร์ท แอนด์ สปา นนทบุรี จัดโดย กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2559 





วันเสาร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์

ชื่อ  ดร.สุทธิชัย  ปัญญโรจน์      ชื่อเล่น     ดร.โทนี่      

ติดต่อ วิทยากร เบอร์โทรศัพท์   มือถือ  08-50294726
email : suthichai_p@hotmail.com

ประวัติการศึกษา

ปริญญาตรี    รัฐศาสตร์   
ปริญญาตรี    นิติศาสตร์
มินิ เอ็ม บี เอ  สาขาการตลาด
ปริญญาโท    บริหารธุรกิจ(MBA)
ปริญญาเอก    สาขาการจัดการธุรกิจ
ประวัติการทำงาน
-          เคยทำงานธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) สาขาพะเยา จำนวน 5 ปี
-          อาจารย์ประจำ มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา
-          เป็นหัวหน้างานประชาสัมพันธ์  มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ปี 2546-2547
-          เป็นรองหัวหน้าสำนักวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร พะเยา ปี 2548 -2549
-          เป็นหัวหน้างานบริการวิชาการสู่ชุมชน สำนักวิทยาการจัดการและสารสนเทศศาสตร์ ม.นเรศวร พะเยา
-          เป็นหัวหน้าสาขาวิชาการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัย นเรศวร พะเยา ปี 2552
-          เป็นหัวหน้าสาขาวิชาการจัดการธุรกิจ มหาวิทยาลัย พะเยา ปี 2553
-          เป็นอาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย
-          เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ ตามสถาบันต่างๆ เช่น  วิทยาลัยเทคนิค  
       วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนี   วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี , สวัสดิการ
       คุ้มครองแรงงาน ,  พัฒนาฝีมือแรงงาน, การศึกษานอกโรงเรียน, พัฒนาชุมชน ,พาณิชย์จังหวัด ,
        มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย ฯลฯ
-          จัดรายการวิทยุ ฉันมากับเพลง ,  ครอบครัวเข้มแข็ง   , มน.เพื่อชาวพะเยา คลื่น 104.5 
       มน.เพื่อชาวพะเยา  คลื่น 88.75
ผลงานด้านงานเขียน
-      พ็อกเก็ตบุ๊ก  (วาทะวาที),พ็อกเก็ตบุ๊ก(ศิลปะการขาย),พูดอย่างมีกึ๋น
-          เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ระดับประเทศ  เป็นประจำ จำนวน  7  ฉบับ  ได้แก่
นสพ.บ้านเมือง ,นสพ.ธุรกิจภาคเหนือ ,  นสพ.พิมพ์ไทย , นสพ.เหนือน่าน(จ.น่าน) ,   นสพ.นันทบุรีนิวส์(จ.น่าน), นสพ.เสียงเสรีภาพ(จ.เชียงราย) , วารสารหอการค้าแพร่(จ.แพร่),นสพ.เหนือแพร่(จ.แพร่)
-          เขียนบทความลงหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและวารสาร เป็นครั้งคราว จำนวน 6  ฉบับ
นสพ.กรุงเทพธุรกิจ , นสพ.พิษณุโลกโพสต์ (จ.พิษณุโลก) ,  นสพ.ดอยตุง(จ.เชียงราย), นสพ.ภาคเหนือ(จ.เชียงใหม่) , วารสารครอบครัวเข้มแข็ง (จ.พะเยา) ,พลเมืองเหนือ
-          เป็นบทความเกี่ยวกับ การพูดต่อหน้าที่ชุมชน , การขาย , การบริหารงาน , ภาวะผู้นำ  , การใช้ชีวิตครอบครัว , การบริการ , การเมืองในยุคเหตุการณ์ปัจจุบัน , การประชาสัมพันธ์ ฯลฯ

วิชาที่สอนในมหาวิทยาลัย นเรศวร พะเยา
-          ธุรกิจเบื้องต้นหรือความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับธุรกิจ
-          การตลาด
-          โฆษณาและการส่งเสริมการตลาด
-          การอบรมและการพัฒนาบุคลากร
-          การจัดการธุรกิจ
-          ไทยศึกษา(ส่วนของการเมืองการปกครอง)
-          สภาวะการณ์โลก(ส่วนของการเมืองการปกครอง)
วิชาที่สอนในมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขตพะเยา
-          ธุรกิจกับการเมือง
-          พรรคการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์
ที่ปรึกษาภาคนิพจน์ โครงร่างการศึกษาอิสระระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยนเรศวร วิทยาเขตสารสนเทศพะเยา
-          ความคิดเห็นของประชาชนต่อการบริหารงานในองค์การบริหารส่วนตำบลโหล่งขอด อ.พร้าว
จ.เชียงใหม่
-          ความพึงพอใจของคนพิการต่อการให้บริการเงินเบี้ยยังชีพคนพิการขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกาศ  อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
-          ความเข้าใจและความพึงพอใจต่อการบริหารในองค์การบริหารส่วนตำบลวงฆ้อง อ.พรหมพิราม  จ.พิษณุโลก
-          การมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารขององค์การบริหารส่วนตำบลแม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย
-          ความคาดหวังของประชาชนต่อการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ในเขตเทศบาล อ.เมือง จ.พะเยา
-          การมีส่วนร่วมของประชาชนในการบริหารขององค์การบริหารส่วนตำบล   อ.งาว จ.ลำปาง
-          และงานวิจัยเรื่องอื่นๆ
งานวิจัย
-          การหาเสียงและกลยุทธ์ทางการตลาดของการเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลในจังหวัดพะเยา
-          ความต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีของลูกจ้างในหน่วยงานเอกชน ในจังหวัดลำปาง
งานด้านสังคม
-          กรรมการและเลขานุการสโมสรไลออน์พะเยา ปี 2544-2545
-          กรรมการวิทยุชุมชนเพื่อคนพะเยา ปี 2546
-          กรรมการสถาบันฝึกอบรมภาคเหนือ
-          กรรมการสโมสรฝึกการพูดพะเยา
-          คณะทำงานโครงการครอบครัวเข้มแข็ง จังหวัดพะเยา (สนับสนุนโดย  สสส.และ พมจ.พะเยา)
-          คณะกรรมการเขตพื้นที่ 1 จังหวัดพะเยา ปี 2549-2551
-          ผู้ช่วยเลขา ศูนย์ประสานงานร่วม สถาบันพระปกเกล้า
ศึกษาดูงานต่างประเทศ
-          ประเทศอินเดีย
-          ประเทศจีน
-          ประเทศเขมร
-          ประเทศเวียดนาม
-      ประเทศในภูมิภาคอินโดจีน
หัวข้องานบรรยาย
1.การพัฒนาบุคลิกภาพ
2.การพัฒนาพลังการพูด
3.การตลาดยุคใหม่
4.การพัฒนาศักยภาพผู้นำและพัฒนาองค์กร
5.ทอล์คโชว์
6.ปฐมนิเทศ  
7.ปัจจิมนิเทศ
8.มนุษย์สัมพันธ์
10.ศิลปการขาย
11.สร้างสุขสนุกกับงานบริการ
12.การทำงานเป็นทีม
คติประจำใจ  
            คนเราเกิดมาไม่ได้มีแผ่นป้ายผูกติดว่าเราจะเป็นอะไร ( เป็นตำรวจ เป็นทหาร เป็นนักการเมือง เป็นครู อาจารย์  เป็นแพทย์ ฯลฯ) แต่เราจะเป็นอะไรก็ได้ด้วยการฝึก
และพัฒนาตนเอง จงฝันให้ไกลและไปให้ถึง

วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การพัฒนาบุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ

การพัฒนาบุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
โดย...ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์
                คนที่ประสบความสำเร็จไม่ว่าแวดวงการเมือง แวดวงธุรกิจ แวดวงการศึกษา และแวดวงต่างๆ มักจะมีความเป็นผู้นำ มักจะมีความรู้ ความสามารถ กล้าพูด กล้าทำ กล้าแสดงออก อีกทั้งยังคงเป็นบุคคลที่มีบุคลิกภาพที่ดี
                ในบทความชิ้นนี้ เราจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเรื่อง การพัฒนาบุคลิกภาพสู่ความสำเร็จ
บุคลิกภาพ หมายถึง ลักษณะเฉพาะของบุคคลที่แสดงปรากฏออกมายังภายนอก ซึ่งบุคลิกภาพมีทั้งบุคลิกภาพภายใน คือ ความรู้สึก อารมณ์  ความฉลาด  ความจริงใจ ความเชื่อมั่นในตนเอง ความคิดริเริ่ม  และ บุคลิกภาพภายนอก คือ การแต่งกาย ท่านั่ง ท่ายืน รูปร่างหน้าตา ทรงผม การปรากฏตัว การใช้น้ำเสียง การพูด
ทำไมเราต้องมีการพัฒนาบุคลิกภาพ เพราะการพัฒนาบุคลิกภาพจะทำให้เป็นที่ยอมรับในสังคม ใครเห็นก็รู้สึกประทับใจ อีกทั้งทำให้เกิดความเชื่อมั่นในตนเองเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดีทั้งต่อตนเองและองค์กรที่ตนสังกัด
สำหรับการพัฒนาบุคลิกภาพ เราต้องมีการพัฒนาบุคลิกภาพทั้งภายในและภายนอก
การพัฒนาบุคลิกภาพภายนอกที่จำเป็นต้องพัฒนา ได้แก่ การแต่งกาย มารยาทสังคม
การแต่งกายที่ดี ควรยึดหลัก สะอาด สวยงาม สุภาพเรียบร้อยและเหมาะกับกาลเทศะ
สะอาด คือ ต้องสะอาดทั้งร่างกายและเครื่องแต่งกายก็มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นผม เสื้อผ้า รองเท้า กลิ่นปาก กลิ่นตัว เล็บ ถุงเท้า
สวยงาม คือ การแต่งกายควรเพิ่มสีสันโดยประมาณไม่มากเกินไปหรือน้อยเกินไป ควรมีเครื่องประทับเล็กน้อยประกอบการแต่งกายไม่ว่าจะเป็น นาฬิกา ปากกาถ้าเป็นไปได้ก็ไม่ควรเกิน 2 ด้าม  ตุ้มหู  การทาปาก แต่งหน้า เป็นต้น
สุภาพเรียบร้อยและเหมาะกับกาลเทศะ กล่าวคือ แต่งกายให้เหมาะสมกับงานหรือสถานที่ที่จะไปร่วม สีเสื้อให้เหมาะสม เช่นไปงานศพ ก็ไม่ควรใส่เสื้อสีแดง (งานศพทั่วไปควรแต่งกายสุภาพ ใส่ชุดเสื้อดำ แต่หากเป็นพิธีงานศพที่สำคัญ เช่นมีหมายกำหนดการ ควรแต่งกายสากลไว้ทุกข์ ใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว เนคไทดำ สวมรองเท้าดำหุ้มส้น) ถ้าไปโรงแรมชั้นหนึ่งเราก็สามารถใส่ชุดสูทเข้าร่วมงานได้ แต่หากไปร่วมงานประเพณีตามสถานที่ต่างจังหวัด ตามท้องทุ่งนา ก็ไม่ควรใส่ชุดสูทไป ควรใส่เสื้อผ้าพื้นเมือง หรือชุดไทยไปจะเหมาะสมกว่า (ในปัจจุบันชุดไทยมีหลากหลายเราต้องควรศึกษาเพื่อใช้ในงานต่างๆให้เหมาะสม เช่น ชุดไทยประจำชาติ ชุดไทยจักรี ชุดไทยดุสิต ชุดไทยประยุกต์ ชุดไทยจิตรลดา เป็นต้น)
ดังนั้น การพัฒนาบุคลิกภาพ การแต่งกายจึงมีความสำคัญดังคำโบราณกล่าวไว้ว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง เพราะการแต่งกายที่ดีจะช่วยเสริมบุคลิกภาพและสามารถสื่อสารได้ การแต่งกายก็เหมือนหีบห่อของผลิตภัณฑ์หรือตัวสินค้า เช่น กล่องยาสีฟัน กล่องสบู่ กล่องขนม หากการแต่งกายสะอาด ดูดี  สวยงาม เหมาะสม ก็จะเป็นการเพิ่มมูลค่าภายในของผู้แต่งกาย
มารยาททางสังคมก็มีความสำคัญในการพัฒนาบุคลิกภาพ เนื่องจากทุกประเทศมีมารยาทสังคมที่แตกต่างกัน หรือในประเทศเดียวกันก็ยังมีประเพณีท้องถิ่น ภาษาถิ่น ดังนั้นเราต้องเรียนรู้กัน
มารยาททางสังคมสำหรับสังคมไทยที่ควรรู้ก็คือ การทักทาย การไหว้ การใช้โทรศัพท์ การพูดคุย การนั่ง การยืน กับผู้ใหญ่  การซื้อขอฝากตามเทศกาลต่างๆ  การใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหารร่วมกัน การไม่โทรศัพท์หรือพูดคุยกันในห้องประชุม ฯลฯ
                ดังนั้น หากท่านต้องการประสบความสำเร็จในชีวิตหรือในหน้าที่การทำงาน ท่านควรพัฒนาตนเองหลายๆด้าน การพัฒนาบุคลิกภาพก็เป็นด้านหนึ่งที่ท่านควรพัฒนาเพราะการพัฒนาบุคลิกภาพจะนำพาท่านสู่ความสำเร็จ