วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568

จงทำในสิ่งที่ตัวเองรัก แล้วคุณจะรู้สึกว่าหัวใจของคุณนั้นเต้นแรง คุณจะเกิด ความเชื่อมั่น ความหลงใหล ความสุขและแรงผลักดัน ทุกก้าวย่างที่คุณเดินจะเต็มไปด้วยความหมายและพลังของชีวิต ขอให้คุณพยายามนำพาชีวิตให้ไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และเป็นไปตามที่ใจฝันไว้ทุกประการ

 


จงทำในสิ่งที่ตัวเองรัก แล้วคุณจะรู้สึกว่าหัวใจของคุณนั้นเต้นแรง คุณจะเกิด ความเชื่อมั่น ความหลงใหล ความสุขและแรงผลักดัน    ทุกก้าวย่างที่คุณเดินจะเต็มไปด้วยความหมายและพลังของชีวิต ขอให้คุณพยายามนำพาชีวิตให้ไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และเป็นไปตามที่ใจฝันไว้ทุกประการ

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568

ชีวิต คือ การสร้างโอกาส มากกว่าการรอคอยโอกาส อย่าได้เสียเวลามองหรืออิจฉาคนอื่น แต่จงพัฒนาตนเอง จงเป็นตัวของตัวเอง ในแบบฉบับของคุณ บางครั้งชีวิตอาจจะพบเจอกับการผิดพลาด แต่การผิดพลาดอาจทำให้เราได้เรียนรู้ เส้นทางใหม่และค้นพบสิ่งใหม่ๆที่ดีกว่าเก่า สุทธิชัย ปัญญโรจน์

 


ชีวิต คือ การสร้างโอกาส มากกว่าการรอคอยโอกาส อย่าได้เสียเวลามองหรืออิจฉาคนอื่น แต่จงพัฒนาตนเอง จงเป็นตัวของตัวเอง ในแบบฉบับของคุณ บางครั้งชีวิตอาจจะพบเจอกับการผิดพลาด แต่การผิดพลาดอาจทำให้เราได้เรียนรู้ เส้นทางใหม่และค้นพบสิ่งใหม่ๆที่ดีกว่าเก่า สุทธิชัย ปัญญโรจน์

วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2568

ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยาย " การขับขี่ปลอดภัย และกฎหมายจราจร"ให้กับน้องๆนักเรียนโรงเรียนเวียงป่าเป้าวิทยาคม เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 จัดโดย สำนักงานขนส่ง เชียงราย สาขาเวียงป่าเป้า

 












ดร.สุทธิชัย ปัญญโรจน์ บรรยาย " การขับขี่ปลอดภัย และกฎหมายจราจร"ให้กับน้องๆนักเรียนโรงเรียนเวียงป่าเป้าวิทยาคม เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2568 จัดโดย สำนักงานขนส่ง เชียงราย สาขาเวียงป่าเป้า 


วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2568

สัญญาขายฝากพ้นกำหนดไถ่ถอนแล้ว ฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินและบ้าน หากไม่ได้โต้แย้งว่าใช้สิทธิไถ่ถอนทรัพย์ ศาลมีอำนาจงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2573/2521 โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและบ้านที่จำเลยขายฝากแก่โจทก์ และสัญญาขายฝากพ้นกำหนดไถ่ถอนแล้ว จำเลยให้การว่าจำเลยได้ใช้สิทธิขอไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากภายในกำหนดเวลาตามสัญญาแล้ว แต่โจทก์บ่ายเบี่ยงจนเลยกำหนดเวลาตามสัญญา โดยจำเลยไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้สิทธิไถ่คืน ศาลย่อมมีอำนาจสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาขับไล่จำเลยได้ เพราะแม้จะพิจารณาได้ความตามคำให้การจำเลย กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินก็ยังเป็นของโจทก์อยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้


สัญญาขายฝากพ้นกำหนดไถ่ถอนแล้ว ฟ้องขับไล่ออกจากที่ดินและบ้าน หากไม่ได้โต้แย้งว่าใช้สิทธิไถ่ถอนทรัพย์ ศาลมีอำนาจงดสืบพยานแล้วพิพากษาคดีได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2573/2521    โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินและบ้านที่จำเลยขายฝากแก่โจทก์ และสัญญาขายฝากพ้นกำหนดไถ่ถอนแล้ว จำเลยให้การว่าจำเลยได้ใช้สิทธิขอไถ่ทรัพย์สินที่ขายฝากภายในกำหนดเวลาตามสัญญาแล้ว แต่โจทก์บ่ายเบี่ยงจนเลยกำหนดเวลาตามสัญญา โดยจำเลยไม่ได้ฟ้องแย้งขอให้สิทธิไถ่คืน ศาลย่อมมีอำนาจสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษาขับไล่จำเลยได้ เพราะแม้จะพิจารณาได้ความตามคำให้การจำเลย กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินก็ยังเป็นของโจทก์อยู่ โจทก์ย่อมมีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยได้

 

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2568

บางครั้งชีวิตก็เหมือนเจอฝนตก เราไม่สามารถสั่งการหรือควบคุมมันได้

 



บางครั้งชีวิตก็เหมือนเจอฝนตก เราไม่สามารถสั่งการหรือควบคุมมันได้

 

การนับระยะเวลาในการครอบครองปรปักษ์ หากมีการเปลี่ยนมือเจ้าของที่ดินที่แท้จริง อายุความจะต้องมีการเริ่มต้นนับใหม่ คำพิพากษาศาลฎีกา 6147/2554 ถึงแม้จำเลยจะได้ครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่วันที่จำเลยซื้อที่ดินแปลงอื่นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2530 เป็นต้นมาก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2533 บริษัท ค. ซื้อที่ดินมีโฉนดแปลงพิพาทจากเจ้าของเดิมโดยจดทะเบียนซื้อขายและเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต จำเลยจึงไม่อาจอ้างสิทธิการครอบครองปรปักษ์ในช่วงระยะเวลาก่อนหน้านั้นขึ้นอ้างยันต่อบริษัท ค.ได้ ทั้งนี้ เป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง การนับระยะเวลาครอบครองปรปักษ์ของจำเลยจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2533 เป็นต้นมา ซึ่งนับถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้คือวันที่ 31 ตุลาคม 2543 ยังไม่ครบระยะเวลา 10 ปี จำเลยจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382

 


การนับระยะเวลาในการครอบครองปรปักษ์ หากมีการเปลี่ยนมือเจ้าของที่ดินที่แท้จริง อายุความจะต้องมีการเริ่มต้นนับใหม่ คำพิพากษาศาลฎีกา 6147/2554    ถึงแม้จำเลยจะได้ครอบครองที่ดินพิพาทตั้งแต่วันที่จำเลยซื้อที่ดินแปลงอื่นเมื่อวันที่  30 มีนาคม 2530 เป็นต้นมาก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม  2533 บริษัท ค. ซื้อที่ดินมีโฉนดแปลงพิพาทจากเจ้าของเดิมโดยจดทะเบียนซื้อขายและเสียค่าตอบแทนโดยสุจริต จำเลยจึงไม่อาจอ้างสิทธิการครอบครองปรปักษ์ในช่วงระยะเวลาก่อนหน้านั้นขึ้นอ้างยันต่อบริษัท ค.ได้ ทั้งนี้ เป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1299 วรรคสอง การนับระยะเวลาครอบครองปรปักษ์ของจำเลยจึงต้องเริ่มนับตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2533 เป็นต้นมา ซึ่งนับถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้คือวันที่ 31 ตุลาคม 2543 ยังไม่ครบระยะเวลา  10 ปี จำเลยจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382  

วันเสาร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2568

ฟ้องเรียกค่าบำเหน็จนายหน้า อายุความ 10 ปี คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5103/2539 โจทก์ฟ้องเรียกเอาค่าบำเหน็จนายหน้าโดยที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความเกี่ยวกับนายหน้าไว้เป็นพิเศษแต่อย่างใดจึงต้องใช้อายุความทั่วไปซึ่งมีกำหนด 10 ปี คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6952/2552 โจทก์ฟ้องเรียกค่าบำเหน็จและเงินส่วนเกินตามสัญญานายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845 มิได้ฟ้องเรียกเอาสินจ้างจากการรับทำการงาน สิทธิเรียกร้องดังกล่าวมิได้มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปซึ่งมีกำหนด 10 ปี ตามมาตรา 193/30


ฟ้องเรียกค่าบำเหน็จนายหน้า อายุความ 10 ปี คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5103/2539    โจทก์ฟ้องเรียกเอาค่าบำเหน็จนายหน้าโดยที่ไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความเกี่ยวกับนายหน้าไว้เป็นพิเศษแต่อย่างใดจึงต้องใช้อายุความทั่วไปซึ่งมีกำหนด 10 ปี คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6952/2552    โจทก์ฟ้องเรียกค่าบำเหน็จและเงินส่วนเกินตามสัญญานายหน้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845 มิได้ฟ้องเรียกเอาสินจ้างจากการรับทำการงาน สิทธิเรียกร้องดังกล่าวมิได้มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องใช้อายุความทั่วไปซึ่งมีกำหนด 10 ปี ตามมาตรา 193/30

 

ปิดอากรแสตมป์ แต่ไม่ได้ขีดฆ่า คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4574/2561 โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญากู้ยืม จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กู้ยืมเงินจากโจทก์ โจทก์นำสืบสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 เป็นพยานหลักฐานตามข้ออ้างของตน สัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากร แต่ไม่ได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ตามที่กฎหมายกำหนด ย่อมถือว่าสัญญากู้เงินดังกล่าวไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 118 มีผลเท่ากับว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ โจทก์จึงฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคหนึ่ง และปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องอำนาจฟ้องอันเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคมีอำนาจวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 7 โจทก์จึงไม่มีพยานหลักฐานที่จะฟังว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไปจริงตามฟ้อง


ปิดอากรแสตมป์ แต่ไม่ได้ขีดฆ่า คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4574/2561 โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยตามสัญญากู้ยืม จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กู้ยืมเงินจากโจทก์ โจทก์นำสืบสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 เป็นพยานหลักฐานตามข้ออ้างของตน สัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 ปิดอากรแสตมป์ครบถ้วนตามบัญชีอัตราอากรแสตมป์ท้ายประมวลรัษฎากร แต่ไม่ได้ขีดฆ่าอากรแสตมป์ตามที่กฎหมายกำหนด ย่อมถือว่าสัญญากู้เงินดังกล่าวไม่ได้ปิดอากรแสตมป์บริบูรณ์ไม่อาจรับฟังเป็นพยานหลักฐานในคดีแพ่งได้ตาม ป.รัษฎากร มาตรา 118 มีผลเท่ากับว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ยืมเป็นสำคัญ โจทก์จึงฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 653 วรรคหนึ่ง และปัญหาดังกล่าวเป็นเรื่องอำนาจฟ้องอันเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนแม้ไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาในปัญหาดังกล่าว ศาลฎีกาแผนกคดีผู้บริโภคมีอำนาจวินิจฉัยได้เองตาม ป.วิ.พ. มาตรา 142 (5) ประกอบ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ.2551 มาตรา 7 โจทก์จึงไม่มีพยานหลักฐานที่จะฟังว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไปจริงตามฟ้อง  

 

วันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2568

ลงลายมือชื่อรับรองแนวเขตรังวัดที่ดิน ตอนสอบเขตที่ดิน ถือว่าสละสิทธิ์ที่ดินที่พิพาท คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2551 โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงได้มาระวังแนวเขตที่ดินและลงลายมือชื่อรับรองแนวเขตที่ดินไว้ในใบรับรองเขตติดต่อของเจ้าของที่ดินและเจ้าของที่ดินข้างเคียง อันเป็นการยอมรับว่าที่ดินพิพาทไม่ได้อยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของโจทก์ แต่อยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของจำเลย แม้โจทก์จะเป็นของที่ดินพิพาทก็ต้องถือว่าโจทก์สละกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแก่จำเลยแล้ว การครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์ที่มีมาก่อนย่อมสิ้นสุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 1377


ลงลายมือชื่อรับรองแนวเขตรังวัดที่ดิน ตอนสอบเขตที่ดิน   ถือว่าสละสิทธิ์ที่ดินที่พิพาท คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1646/2551 โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงได้มาระวังแนวเขตที่ดินและลงลายมือชื่อรับรองแนวเขตที่ดินไว้ในใบรับรองเขตติดต่อของเจ้าของที่ดินและเจ้าของที่ดินข้างเคียง อันเป็นการยอมรับว่าที่ดินพิพาทไม่ได้อยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของโจทก์ แต่อยู่ในเขตที่ดินตามโฉนดของจำเลย แม้โจทก์จะเป็นของที่ดินพิพาทก็ต้องถือว่าโจทก์สละกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทแก่จำเลยแล้ว การครอบครองที่ดินพิพาทของโจทก์ที่มีมาก่อนย่อมสิ้นสุดลงตาม ป.พ.พ. มาตรา 1377

 

นายหน้าเพียงแต่ชี้ช่อง พาไปดูทรัพย์สิน ติดต่อ จัดการให้ได้ซื้อขายกัน ถือว่าสมบูรณ์ มีสิทธิได้รับบำเหน็จ แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยในการเจรจาซื้อขายทุกๆ ครั้ง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3181/2536 นายหน้าตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845 นั้น ได้แก่ผู้ชี้ช่องให้ได้มีการเข้าทำสัญญากันหรือผู้ที่จัดการให้ได้ทำสัญญากัน และนายหน้ามีสิทธิได้รับบำเหน็จ ต่อเมื่อสัญญานั้นได้ทำกันเสร็จ เนื่องแต่ผลแห่งการที่นายหน้าได้ชี้ช่องหรือจัดการนั้น การที่ ก. ได้พา ส. ผู้ซื้อไปพบจำเลยที่ 4 ผู้ขายและพากันไปดูที่ดิน และต่อมาได้มีการซื้อขายกันเนื่องมาจากการชี้ช่องดังกล่าว ก. จึงมีสิทธิได้รับค่าบำเหน็จ โดยไม่จำเป็นที่ ก.จะต้องอยู่ด้วยในการเจรจาซื้อขายทุกๆ ครั้ง แต่อย่างใด

 


นายหน้าเพียงแต่ชี้ช่อง พาไปดูทรัพย์สิน ติดต่อ จัดการให้ได้ซื้อขายกัน ถือว่าสมบูรณ์ มีสิทธิได้รับบำเหน็จ แม้จะไม่ได้อยู่ด้วยในการเจรจาซื้อขายทุกๆ ครั้ง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3181/2536    นายหน้าตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 845 นั้น ได้แก่ผู้ชี้ช่องให้ได้มีการเข้าทำสัญญากันหรือผู้ที่จัดการให้ได้ทำสัญญากัน และนายหน้ามีสิทธิได้รับบำเหน็จ ต่อเมื่อสัญญานั้นได้ทำกันเสร็จ เนื่องแต่ผลแห่งการที่นายหน้าได้ชี้ช่องหรือจัดการนั้น การที่ ก. ได้พา ส. ผู้ซื้อไปพบจำเลยที่ 4 ผู้ขายและพากันไปดูที่ดิน และต่อมาได้มีการซื้อขายกันเนื่องมาจากการชี้ช่องดังกล่าว ก. จึงมีสิทธิได้รับค่าบำเหน็จ โดยไม่จำเป็นที่ ก.จะต้องอยู่ด้วยในการเจรจาซื้อขายทุกๆ ครั้ง แต่อย่างใด  

วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2568

ถ้าคุณไปถามนกกระจอก เรื่อง “บินสูงเหนือเมฆ”มันจะตอบคุณว่า “ คุณทำมันไม่ได้หรอก” กับ “ มันเป็นไปไม่ได้หรอก” แต่ถ้าคุณไปถาม นกอินทรีย์มันจะตอบว่า“ คุณสามารถทำมันได้”แล้วมันก็จะสอนคุณบินอีกต่างหาก การถามให้ถูกคน มีความสำคัญ


ถ้าคุณไปถามนกกระจอก เรื่อง  “บินสูงเหนือเมฆ”มันจะตอบคุณว่า “ คุณทำมันไม่ได้หรอก” กับ “ มันเป็นไปไม่ได้หรอก” แต่ถ้าคุณไปถาม นกอินทรีย์มันจะตอบว่า“ คุณสามารถทำมันได้”แล้วมันก็จะสอนคุณบินอีกต่างหาก การถามให้ถูกคน มีความสำคัญ

 

วันอังคารที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2568

กรณีที่ซื้อทรัพย์จากการประมูลในการขายทอดตลาด สำนักงานบังคับคดี ปรากฏว่า จำเลย ลูกหนี้ และบริวารไม่ยอมออกจากทรัพย์ที่ประมูลได้ คำถามที่พบบ่อย คือผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดหรือประมูลสู้ราคาได้ จากสำนักงานบังคับคดี แต่กลับพบว่ายังมีลูกหนี้ บริวาร ยังคงพักอาศัยอยู่บ้าน หรือคอนโดหรือที่ดินนั้น เราควรทำอย่างไร ตอบ : ผู้ซื้อทรัพย์หรือผู้ประมูลได้จะต้องไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อบังคับให้ลูกหนี้ พร้อมบริวาร ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากทรัพย์ประมูล โดยผู้ซื้อหรือผู้ประมูลได้ ไม่จำเป็นต้องไปยื่นคำฟ้องขับไล่เป็นคดีใหม่ ตามพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้ ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายขึ้นกว่าในอดีต

 


กรณีที่ซื้อทรัพย์จากการประมูลในการขายทอดตลาด สำนักงานบังคับคดี ปรากฏว่า จำเลย ลูกหนี้ และบริวารไม่ยอมออกจากทรัพย์ที่ประมูลได้ คำถามที่พบบ่อย คือผู้ซื้อทรัพย์จากการขายทอดตลาดหรือประมูลสู้ราคาได้ จากสำนักงานบังคับคดี แต่กลับพบว่ายังมีลูกหนี้ บริวาร ยังคงพักอาศัยอยู่บ้าน หรือคอนโดหรือที่ดินนั้น เราควรทำอย่างไร ตอบ : ผู้ซื้อทรัพย์หรือผู้ประมูลได้จะต้องไปยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อบังคับให้ลูกหนี้ พร้อมบริวาร ขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากทรัพย์ประมูล   โดยผู้ซื้อหรือผู้ประมูลได้ ไม่จำเป็นต้องไปยื่นคำฟ้องขับไล่เป็นคดีใหม่ ตามพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้ ซึ่งเป็นวิธีการที่ง่ายขึ้นกว่าในอดีต

วันเสาร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2568

การฟ้องร้องคดีตามสัญญากู้ยืมเงิน การลงชื่อในกระดาษเปล่า (ไม่ได้กรอกจำนวนเงินกู้ยืมเงิน) แบ่งได้ออกเป็น 2 กรณี 1. ผู้ให้กู้กรอกตัวเลขตามความเป็นจริง สามารถฟ้องร้องคดีได้ อ้างอิง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2548 2. ผู้ให้กู้กรอกตัวเลขสูงกว่าความเป็นจริงที่กู้เงินจริง ถือว่าเป็นเอกสารปลอม เท่ากับไม่มีหลักฐานการกู้ยืมมาฟ้องร้องคดี ผู้กู้ไม่ต้องรับผิดเลย อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2548


การฟ้องร้องคดีตามสัญญากู้ยืมเงิน การลงชื่อในกระดาษเปล่า (ไม่ได้กรอกจำนวนเงินกู้ยืมเงิน) แบ่งได้ออกเป็น 2 กรณี 1. ผู้ให้กู้กรอกตัวเลขตามความเป็นจริง สามารถฟ้องร้องคดีได้ อ้างอิง คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 247/2548 2. ผู้ให้กู้กรอกตัวเลขสูงกว่าความเป็นจริงที่กู้เงินจริง ถือว่าเป็นเอกสารปลอม เท่ากับไม่มีหลักฐานการกู้ยืมมาฟ้องร้องคดี ผู้กู้ไม่ต้องรับผิดเลย อ้างอิงคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1539/2548  

 

หลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือ จะมีขึ้นก่อนหรือหลังกู้ยืมเงินก็ได้ แต่ต้องก่อนฟ้องคดี คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8175/2551 หลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 653 นั้นอาจเกิดมีขึ้นในขณะกู้ยืมเงินกันหรือภายหลังจากนั้นก็ได้ และมิได้จำกัดว่าจะต้องเป็นหลักฐานที่ได้มอบไว้แก่กัน แม้คำให้การพยานที่จำเลยเบิกความไว้ในคดีอาญาของศาลชั้นต้นว่าจำเลยกู้ยืมเงินไปจากโจทก์จะเกิดมีขึ้นภายหลังการกู้ยืมเงินและไม่มีการส่งมอบให้ไว้แก่กันก็ตาม ก็ถือได้ว่าการกู้ยืมเงินระหว่างจำเลยและโจทก์เป็นกรณีที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ดังนั้น เมื่อจำเลยไม่มีหลักฐานการใช้เงินเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้ยืมมาแสดง จำเลยจึงนำสืบการใช้เงินไม่ได้ เพราะเป็นการต้องห้ามตามบทกฎหมายข้างต้น

 


หลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือ จะมีขึ้นก่อนหรือหลังกู้ยืมเงินก็ได้ แต่ต้องก่อนฟ้องคดี คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 8175/2551    หลักฐานการกู้ยืมเงินเป็นหนังสือที่บัญญัติไว้ใน ป.พ.พ. มาตรา 653 นั้นอาจเกิดมีขึ้นในขณะกู้ยืมเงินกันหรือภายหลังจากนั้นก็ได้ และมิได้จำกัดว่าจะต้องเป็นหลักฐานที่ได้มอบไว้แก่กัน แม้คำให้การพยานที่จำเลยเบิกความไว้ในคดีอาญาของศาลชั้นต้นว่าจำเลยกู้ยืมเงินไปจากโจทก์จะเกิดมีขึ้นภายหลังการกู้ยืมเงินและไม่มีการส่งมอบให้ไว้แก่กันก็ตาม ก็ถือได้ว่าการกู้ยืมเงินระหว่างจำเลยและโจทก์เป็นกรณีที่มีหลักฐานเป็นหนังสือ ดังนั้น เมื่อจำเลยไม่มีหลักฐานการใช้เงินเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อโจทก์ผู้ให้ยืมมาแสดง จำเลยจึงนำสืบการใช้เงินไม่ได้ เพราะเป็นการต้องห้ามตามบทกฎหมายข้างต้น

สัญญาเงินกู้ ที่ผู้ให้กู้มากรอกข้อความตัวเลข ไม่ถูกต้องภายหลัง ถือเป็นการปลอมเอกสาร จะฟ้องร้องคดีให้รับผิดชำระหนี้ไม่ได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2547 จำเลยได้กู้เงินไปเพียง 30,000 บาท แต่โจทก์กลับไปกรอกข้อความในสัญญาเงินกู้เป็นเงินถึง 109,000 บาท โดยจำเลยไม่ได้ยินยอม สัญญากู้จึงเป็นเอกสารปลอม โจทก์ไม่อาจนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในการฟ้องคดีได้ เมื่อเงินกู้จำนวนดังกล่าวไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้กู้มาแสดง โจทก์จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีให้จำเลยรับผิดชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ได้

 


สัญญาเงินกู้ ที่ผู้ให้กู้มากรอกข้อความตัวเลข ไม่ถูกต้องภายหลัง ถือเป็นการปลอมเอกสาร จะฟ้องร้องคดีให้รับผิดชำระหนี้ไม่ได้ คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2518/2547    จำเลยได้กู้เงินไปเพียง 30,000 บาท แต่โจทก์กลับไปกรอกข้อความในสัญญาเงินกู้เป็นเงินถึง 109,000 บาท โดยจำเลยไม่ได้ยินยอม สัญญากู้จึงเป็นเอกสารปลอม โจทก์ไม่อาจนำมาใช้เป็นพยานหลักฐานในการฟ้องคดีได้ เมื่อเงินกู้จำนวนดังกล่าวไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้กู้มาแสดง โจทก์จึงไม่อาจฟ้องร้องบังคับคดีให้จำเลยรับผิดชำระหนี้เงินกู้แก่โจทก์ได้

วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2568

สัญญากู้ยืมเงินที่ไม่ได้กำหนดวันคืนต้นเงิน สามารถฟ้องคดีได้ทันที ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าว ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์ (ทนายโทนี่) คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2535 การกู้ยืมเงินระหว่างโจทก์จำเลยไม่ได้กำหนดเวลาชำระต้นเงินคืนไว้ โจทก์ย่อมจะเรียกให้จำเลยชำระหนี้ได้โดยพลัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 203 วรรคแรก และมีอำนาจฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่จำต้องบอกกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 652 ก่อนจึงไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ก่อนฟ้องแล้วหรือไม่


สัญญากู้ยืมเงินที่ไม่ได้กำหนดวันคืนต้นเงิน สามารถฟ้องคดีได้ทันที ไม่จำเป็นต้องบอกกล่าว ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์ (ทนายโทนี่) คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2103/2535    การกู้ยืมเงินระหว่างโจทก์จำเลยไม่ได้กำหนดเวลาชำระต้นเงินคืนไว้ โจทก์ย่อมจะเรียกให้จำเลยชำระหนี้ได้โดยพลัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 203 วรรคแรก และมีอำนาจฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ได้โดยไม่จำต้องบอกกล่าวตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 652 ก่อนจึงไม่จำต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่ว่าโจทก์บอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ก่อนฟ้องแล้วหรือไม่

 

การขอทางจำเป็น ขนาดของทาง ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงประกาศคณะปฏิวัติ ศาลให้ 5 เมตร คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2520 โดย ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์ (ทนายโทนี่) ทางจำเป็นต้องเลือกทำพอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่านโดยให้เสียหายแก่ที่ดินที่ล้อมอยู่น้อยที่สุด เปิดทางกว้าง 5 เมตร เหมาะสมแล้ว จะนำประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 ให้เปิดทางกว้าง 8 เมตร มาอ้างไม่ได้

 


การขอทางจำเป็น ขนาดของทาง ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงประกาศคณะปฏิวัติ ศาลให้ 5 เมตร คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1370/2520 โดย ทนายสุทธิชัย ปัญญโรจน์ (ทนายโทนี่) ทางจำเป็นต้องเลือกทำพอควรแก่ความจำเป็นของผู้มีสิทธิจะผ่านโดยให้เสียหายแก่ที่ดินที่ล้อมอยู่น้อยที่สุด เปิดทางกว้าง 5 เมตร เหมาะสมแล้ว จะนำประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 286 ให้เปิดทางกว้าง 8 เมตร มาอ้างไม่ได้